รู้จัก โนโรไวรัส เชื้อไวรัสที่ถูกพบใน อุจจาระ จากผู้ป่วยในเหตุ ท้องเสียที่จันทบุรี ชี้ หากติดผู้สูงอายุอาจมีอาการรุนแรง
จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมาประชาชนชาวจันทบุรี และพื้นที่ใกล้เเคียง เกิดอาการ “ท้องเสีย” พร้อมกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ โดยเรื่องราวการท้องเสียถูกพูดคุยกันในกลุ่ม จันทบุรี ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างตั้งกระทู้และโพสต์ข้อความไปในทำนองเดียวกันว่าอยู่ๆก็ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน บางรายถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล
เฟซบุ๊ก Opass Putcharoen ของ หมอโอภาส พุทธเจริญ หัวหน้าศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ระบุว่า ศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก ตรวจอุจจาระของคนที่มีอาการท้องเสียระบาดใหญ่ที่จันทบุรี ผลเป็น Norovirus Genogroup II จำนวน 6 ราย จาก 8 ราย อาการ คลื่นไส้อาเจียนจะเด่น ท้องเสียจะเกิดขึ้นเร็ว รุนแรงในบางราย หายเองภายในประมาณสองวัน ผู้สูงอายุอาจจะมีอาการมากและรุนแรง
โรคนี้ติดติดง่าย จำนวนเชื้อน้อยๆก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียที่รุนแรงได้ ติดทางการกิน สัมผัส เชื้ออาจจะอยู่ตามสิ่งแวดล้อม แนะนำล้างมือด้วยสบู่ เชื้อฟุ้งกระจายในอากาศได้ แอลกอฮอล์ไม่สามารถทำลายเชื้อได้นะครับ
ใครกลับบ้านช่วงปีใหม่แถวนั้น ก็ระวังเรื่องอาหารการกิน ล้างมือด้วยน้ำสบู่(ดีกับทั้งโรคท้องเสียกับโควิด)
สำหรับ โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี ดังนั้นเมื่อเกิดการปนเปื้อนของโนโรไวรัสในอาหารและน้ำดื่ม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และสามารถติดต่อกันได้ง่าย เนื่องจากใช้เวลาเพียงไม่นานในการแพร่กระจายเชื้อ ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่
- ถ่ายเหลวเป็นน้ำ
- ปวดท้อง
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- ไข้ต่ำ
- ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- อ่อนเพลีย
ขอบคุณข้อมูล bangkokhospital / Opass Putcharoen