แพรี่ ไพรวัลย์ ลั่นเสียดายเคยนับถือทนายอนันต์ชัย ขอทนายเดชาดูแลคดี เตรียมฟ้องกลับ
เมื่อเวลา 13.00น.วันที่ 9 มิ.ย.ที่ศูนย์การค้าโชว์ดีซี ถ.จตุรทิศ นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ ไพรวัลย์ แถลงกรณีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความในฐานะประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ยื่นฟ้องตนเองกับลูกเพจเฟซบุ๊กอีก 2 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากกรณีที่แพรี่ไพรวัลย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงลูกศิษย์เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งที่สูบบุหรี่สอนธรรม จนลูกเพจไปแสดงความเห็นดูหมิ่นลูกศิษย์ของเจ้าอาวาสเป็นจำนวนมาก ซึ่งลูกศิษย์ยังรวมถึงตัวทนายอนันต์ชัยเอง ด้วย
นายไพรวัลย์ กล่าวว่า กรณีนี้ทราบมาแล้วว่าจะมีฟ้องร้อง เพราะทนายได้พูดจาข่มขู่ตนมา 2-3 ครั้ง แต่ตนยังสับสนว่าจะฟ้องอะไรเพราะตนไปโพสต์อะไรเข้าข่ายจะถูกฟ้อง ก็เลยรอจนรู้ว่าถูกฟ้องเรื่องดังกล่าว พอเห็นแว้บแรกก็อุทานในหัวขึ้นมาเลยว่า “อ๋อเหรอคะ” แต่ในโพสต์ต้นเหตุเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นเรื่องพระสูบบุหรี่โดยไม่ได้ระบุชื่อ และพระมีเป็นร้อยเป็นพันรูปในไทย ซึ่งนักบวชเอง ควรมีความประพฤติเป็นแบบอย่างต่อสาธุชน ตนบวชมา 18 ปี ไม่มีกระดูกเหล็กแต่มีตาลปัตรเหล็ก หากเห็นอะไรไม่เหมาะสมก็มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต
นายไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า ผู้ฟ้องก็มีสิทธิ์จะเขียนคำฟ้องอย่างไรก็ได้ ตนก็มีสิทธิ์แก้ต่าง และศาลก็มีสิทธิ์พิจารณาตามข้อเท็จจริง ยืนยันไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งกรณีนี้ในคำร้องระบุว่าตนไม่ใช่ผู้ที่หมิ่นประมาทโดยตรง แต่เป็นลูกเพจที่มาคอมเมนต์ โดยกรณีนี้ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย หลังรับหมายศาลก็จะเตรียมแนวทางต่อสู้คดี หากถึงที่สุดก็จะฟ้องกลับแน่นอนเพราะในคำฟ้องยังอ้างว่า ตนมีเจตนาชี้นำทำให้ลูกเพจซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 โพสต์หมิ่นประมาท จึงมองว่าเป็นการใส่ความ ตอนนี้ไม่ได้คุยกับแฟนคลับดังกล่าว หากตนมีส่วนสนับสนุนให้คนมาคอมเมนต์ไปร่วมผสมโรงก็ว่ากันไป แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นคอมเมนต์ที่ลูกเพจถูกกล่าวหา เพราะผู้ติดตามเพจตั้ง 3 ล้านคน และก็ไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว
นายไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรถึงขั้นฟ้องร้องเป็นคดีความ เพราะวินัยสงฆ์หลายข้อก็มาจากการติเตียนของชาวบ้าน ถ้าตำหนิไม่ได้ศาสนาจะอยู่อย่างไร ทั้งนี้ ตนก็ระมัดระวังในการโพสต์เสมอ แต่เหตุนี้ก็ไม่ทำให้มีความกังวลใจใดๆ ถือเป็นข้อดีให้ตนได้ศึกษากฎหมาย และยอมรับว่าผิดหวังมากเพราะตัวเองก็เคยนับถือทนายอนันต์ชัย มาก่อน อย่างไรก็ตาม ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวพาดพิงถึงทนายเดชาด้วยว่าไม่เคยว่าความชนะเลย จึงต้องถามกลับไปว่า จะยกตนข่มท่านไปดูหมิ่นทนายด้วยกันทำไม ควรจะให้เกียรติกัน เพราะเป็นเพื่อนร่วมอาชีพด้วยกันและยังมีมรรยาททนายความอยู่ด้วย