แพรรี่ ควง ฟอร์ด แฟนหนุ่ม เปิดใจครั้งแรก รับคลั่งรัก เปย์งานแต่ไม่เปย์เงิน ฝ่ายชายยืนยัน รักจริงไม่ได้หลอก เดือนหน้าเตรียมพาไปเจอพ่อแม่
วันที่ 15 มี.ค.66 ที่ ชั้น 5 ตึกB อาร์เอส กรุ๊ป ถนนประเสริฐมนูกิจ แพรรี่ ไพรวัลย์ ควง ฟอร์ด แฟนหนุ่ม เปิดใจคู่กันครั้งแรกหลังมาร่วมรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ทางช่อง 8 ถึงจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่พัฒนากลายมาเป็นแฟน
วันนี้ถือว่าแกรนด์โอเพนนิ่งเต็มตัว?
แพรรี่ : “ครั้งแรกเลย ทุกคนอาจจะได้เคยติดตามเรื่องหนูกับน้องบ้างแล้ว แต่ว่าตอนที่เป็นข่าวตอนนั้นยังรู้จักและคบกันผ่านออนไลน์ แล้วก็รอน้องปิดเทอม ซึ่งตอนนี้น้องปิดเทอมแล้วก็เลยลงมากรุงเทพฯ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ”
ฟอร์ด : “ความรู้สึกแรกที่ได้เจอกัน ตื่นเต้นมากเลยตอนเจอครั้งแรก สวย น่ารัก(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “ประโยคแรกที่น้องทักก็คือสวยมากครับ (หัวเราะ) ส่วนน้องเองก็หล่อมากเลยอ่ะ ถือว่าตรงปก รักไปแล้วถ้าไม่ตรงก็ต้องตรงค่ะ”
ย้อนจุดเริ่มต้นของความรักให้ฟังหน่อย?
แพรรี่ : “หนูไปฟอลโลว์ไอจีน้อง พอดีว่ามีพี่ที่เป็นช่างแต่งหน้าให้ไอจีน้องมา ช่วงนั้นฟังพี่ช่างแต่งหน้าเปิดเพลงทุกวัน แล้วก็เห็นน้องคนหนึ่งที่เป็นนักแสดงของโรงเรียนเก่าของพี่เขา บอกว่าน่ารัก แล้วก็แซวเฉยๆ ว่ามีไอจีน้องไหม อยากไปตามดู ปรากฏว่าเขาเอาไอจีผิดมาให้ เพราะว่าน้องนักแสดงคนนั้นเป็นอีกคนหนึ่ง แต่ไอจีที่ได้เป็นไอจีน้องฟอร์ด ความรักครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดค่ะ (หัวเราะ) ไม่ต้องตั้งใจผิดพลาดก็ได้อยู่ น้องน่ารัก”
ใครเริ่มจีบก่อน?
แพรรี่ : “น่าจะเป็นหนูนะคะ เพราะว่าเป็นคนฟอลโลว์ไอจีน้อง แล้วก็แอ๊วตามประสาไปเรื่อย ดีเอ็มไปหาในไอจี”
ฟอร์ด : “ตอนแรกไม่รู้ตัวว่าโดนจีบ คิดว่ามาเล่นๆ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นตัวจริง ซึ่งในช่วงแรกผมไม่ค่อยได้ตอบ ทีนี้พี่แพรรี่ก็เลยวิดีโอคอลมาเลย”
แพรรี่ : “เขาเป็นคนชอบดองแชท ช่วงที่เราทักไปเขาหายไป 2 วันบางทีเพิ่งมาตอบ เลยรู้สึกว่าไม่ไหวนะถ้าจะดองแชทนานขนาดนี้สงสัยจะไม่ได้คุยแล้วแหละ หนูก็เลยลองกดวิดีโอคอลไป ปรากฏว่าน้องรับ หลังจากนั้นหนูก็เลยรู้ว่าถ้าอย่างนั้นไม่ต้องพิมพ์แล้ว โทรเลยง่ายกว่า”
ตอนที่รับสายวิดีโอคอลเป็นเพราะมีใจหรือว่ามือลั่น?
ฟอร์ด : “ยังครับ พอได้คุยกันไปสักพักนี่แหละถึงรู้สึกโอเค พี่เขาทำให้เรายิ้มได้ มีความสุข”
แพรรี่ : “เราน่าจะมาใช้คำว่าแฟนกันได้ประมาณหนึ่งเดือน หลังจากที่เราส่งช่อดอกไม้ไปให้น้อง เพื่อที่จะขอเป็นแฟนแบบจริงจังในวันวาเลนไทน์ก็คือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตอนนั้นก็ต้องถามให้ชัดเจน เพราะว่าพอหนูเอาภาพลงก็มีสื่อไปโน่นนี่นั่น หนูก็อยากได้สถานะเลยถามไปทางวิดีโอคอลว่าเราเป็นอะไรกันนะ…”
ฟอร์ด : “เป็นแฟน(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “ นั่นแหละค่ะ ก็เลยมั่นใจว่าโอเคเรามีสถานะคบหากัน”
การมาคบกับแพรรี่ซึ่งเป็นคนดังในโซเชียล บางคนอาจจะมองว่าเกาะกระแสแพรรี่หรือเปล่า?
ฟอร์ด : “ผมไม่ได้เสพเลยครับ เพราะถ้าผมเสพคงต้องคิดมากแน่เลย แล้วผมก็ไม่คิดเรื่องนี้ด้วยครับ ผมบริสุทธิ์ใจที่จะคบหาเขาจริงๆ ถามว่าเคยได้ยินกระแสพวกนี้บ้างไหม เคยได้ยินครับ พออ่านแล้วความคิดเรามันคิดลบ ผมก็เลยไม่อ่านอีกเลย เพราะมันทำให้สุขภาพจิตไม่ดีด้วย ส่วนคนรอบข้างก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างเพื่อนๆ มีแต่แซวอย่างเดียว ผมเองก็เขิน แต่ว่ามันน่ารักดี”
แพรรี่ : “ถามว่าให้กำลังใจน้องยังไง จริงๆ น้องเขาค่อนข้างมีวิธีรับมือที่ดีอยู่แล้ว หมายถึงว่าเขาไม่เสพอะไรที่เป็น Toxic ไม่ได้อ่านคอมเมนต์ หนูก็จะใช้วิธีการโทรคุยกันให้กำลังใจกัน เพื่อให้รู้สึกว่าการที่เราคบหากันมันเป็นเรื่องจริงจัง แล้วก็มีแต่เราสองคนเท่านั้นที่จะรู้ว่าคืออะไรระหว่างความสัมพันธ์ที่เราเป็นอยู่”
“จะไม่พยายามไปพูดถึงอะไรที่มันเป็นคอมเมนต์ในทางลบ ซึ่งหนูจะโดนเยอะเพราะเป็นแบบนี้ด้วย ในฐานะที่หนูอยู่อาจจะแตกต่างกับน้องมาก ด้วยช่วงวัยหรืออะไร แล้วเราก็เป็น LGBT ก็โดนเยอะ เลยจะไม่พูดเรื่องเหล่านี้ หนูก็แค่จะทำให้รู้สึกว่ามันคือเรื่องปกติ ถ้าคนสองคนตัดสินใจแล้วที่จะคบหากันมันก็คือเรื่องของคนสองคน”
ฟอร์ด : “ผมเองเปิดรับในเรื่องของเพศสภาพ พ่อแม่ผมด้วยครับ อย่างแม่ก็บอกว่าชีวิตของเอ็งจะทำอะไรก็เรื่องของเอ็ง แม่ไม่ได้เข้าไปอยู่กับเอ็งตลอดชีวิตหรอก ที่บ้านก็ไว้ใจเรา ตอนแรกที่มีข่าวเขาก็ไม่ได้ตกใจ เขาก็โทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง”
มีโอกาสจะพาไปเจอครอบครัวแนะนำเป็นเรื่องเป็นราวไหม?
แพรรี่ : “มีค่ะ เดือนหน้าจะไปค่ะ เพราะหนูตั้งใจจะไปอยู่แล้ว แม่บอกว่าแม่สีข้าวไว้ให้แล้วค่ะ(หัวเราะ)”
ได้คุยกับครอบครัวน้องบ้างแล้วหรือยัง?
แพรรี่ : “โดยตรงยังค่ะ แต่หนูก็จะถามแฟนหนูตลอดว่าพ่อแม่ว่ายังไง เพราะหนูก็ค่อนข้างแคร์ ไม่ใช่ถามแค่คุณพ่อคุณแม่ เพื่อนๆ ด้วย เพราะหนูก็เข้าใจว่าทุกคนก็มีสังคมที่เขาอยู่ ถ้าการที่ฟอร์ดเขาคบกับหนูแล้วสังคมรอบข้างเขามันไม่โอเค แต่เวลาฟอร์ดเขาเล่าให้ฟังว่าคนที่บ้านแซวนะ ถามถึงนะว่าเมื่อไหร่จะพาแฟนมา เตรียมผ้าไหมไว้ให้ เราก็ดีใจที่เขาเอ็นดูเรา”
ครอบครัวน้องต้อนรับแพรรี่อย่างดีเลยใช่ไหม?
ฟอร์ด : “ใช่ครับ (ยิ้ม)”
เรียกว่าเป็นว่าที่สะใภ้บุรีรัมย์?
แพรรี่ : “หนูชอบคำนี้มากเลยค่ะ (หัวเราะ) หนูไม่ปฏิเสธเลยค่ะ หนูคือว่าที่สะใภ้บุรีรัมย์(ยิ้ม)”
ความรักครั้งนี้เราจริงจัง มองไปถึงอนาคตร่วมกันเลยไหม?
แพรรี่ : “หนูเป็นคนที่ถ้าหนูมีความสัมพันธ์ มีความรัก หนูจะจริงจังทุกครั้ง ทุกคนที่ชอบว่าหนูหน้ามืดตามัว ตาบอด แต่หนูเป็นคนที่ถ้าหนูมีความรักหนูให้เต็มร้อยเลย และหนูรู้สึกว่าความรู้สึกมันไม่สามารถเอามาล้อเล่น เอามาสร้างคอนเทนต์หรืออะไรได้”
ตอนนี้แพรรี่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนคลั่งรัก ฟอร์ดให้ความมั่นใจยังไงว่าเราไม่ได้เข้ามาหลอกเขาแน่นอน?
ฟอร์ด : “ไม่ครับ มั่นใจ”
แพรรี่ : “หลอกหรือเปล่า”
ฟอร์ด : “ไม่หลอกหรอก(ยิ้ม)”
อายุที่ห่างกันมีปัญหาไหม?
แพรรี่ : “สำหรับหนูไม่มีปัญหานะคะ แต่ต้องถามน้องว่ามีปัญหาไหมที่คบกับคนอายุมากกว่า”
ฟอร์ด : “ไม่ติดเลยครับเรื่องอายุ ผมชอบคนอายุมากกว่าอยู่แล้ว (ยิ้ม)”
แพรรี่ : “หนูก็ชอบคนที่อายุน้อยกว่าค่ะ(ยิ้ม)”
1 เดือนที่ผ่านมาพอได้คบกันจริงจังเป็นยังไงบ้าง?
ฟอร์ด : “ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ คิดว่าเหมือนปกติทั่วไปครับ แต่เวลาที่ผมไปเดินตลาด คนมองเต็มเลย ผมก็เขินๆ นิดนึง (ยิ้ม)”
รักระยะไกลมีปัญหาไหม?
ฟอร์ด : “ตรงนี้เองครับ กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “ชั่วโมงเดียวค่ะ ดอนเมือง-บุรีรัมย์(ยิ้ม)”
เรื่องความเชื่อใจกันล่ะ เพราะฟอร์ดก็หน้าตาดี?
แพรรี่ : “หนูก็จะมีวิธีการของหนู คือตอนนี้ฟอร์ดเป็นแฟนหนู หนูจะพยายามว่าถ้าเสร็จงานก็จะคุยกับฟอร์ดทุกวันว่าตอนนี้แฟนหนูทำอะไร แต่หนูจะไม่โทรตลอดเวลา อย่างเช่นวันนึงหนูอาจจะคอลหาเขาแค่ครั้งเดียว และพอเขาว่างเขาก็จะตอบมาเองว่าเขาทำอะไรอยู่ ก็คอลคุยกันทุกวัน ให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ยังราบรื่นและยังถูกสานต่ออยู่ทุกวันๆ ไม่ใช่ทิ้งหายไป แล้วปล่อยให้เขารู้สึกว่าเล่นๆ หนูไม่ได้ทำแบบนั้น”
แล้ว ฟอร์ด ห่วงไหม เพราะแพรี่ก็มีคน DM มาเยอะเหมือนกัน?
ฟอร์ด : “เขาจริงใจครับ เขาไม่ทำหรอก(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “เขาไว้ใจหนูค่ะ(ยิ้ม)”
มีกติกากันไหมว่าห้ามทำนั่นทำนี่?
ฟอร์ด : “ไม่มีครับ เขาไม่ห้ามผมเลย”
แพรรี่ : “ก็นิดหน่อย ไม่ใช่ข้อห้ามอะไร แต่จะเป็นการคุยกันตรงๆ ขอว่าตอนนี้เราคบกันแล้ว เป็นแฟนกันแล้ว คือเมื่อก่อนน้องเขาเป็นคนที่เฟรนด์ลี่ เฮฮา อันนี้หนูเข้าใจ แต่พอมีแฟนแล้วก็ขอนิดนึงได้ไหมอะไรแบบนี้ อาจจะขอเรื่องคุยกับสาวๆ อะไรแบบนั้น ก็คุยกัน เขาก็จะบอกว่าแล้วเพื่อนหรือพี่รหัสล่ะ เราก็ต้องเข้าใจเขา”
แพรรี่เป็นแฟนคนแรกในชีวิตหรือเปล่า?
ฟอร์ด : “ไม่ครับ เคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้ เป็นผู้หญิงครับ”
คาดหวังกับรักครั้งนี้กันแค่ไหน?
ฟอร์ด :“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปได้ขนาดไหน แต่ผมก็จะทำให้ดีที่สุด(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “เขาตอบชัดเจนแล้ว หนูไม่ต้องตอบแล้วแหละ หนูก็อย่างเดียวกันเลย แค่รู้สึกถ้าน้องยังคงเป็นแบบนี้ ยังรู้สึกดีกับเราแบบนี้ โดยที่เขาไม่ได้อยากมูฟหรืออยากเปลี่ยนสถานะอะไร หนูก็จะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
อนาคตถ้ามันไม่ราบรื่น กลัวไหมว่าคนจะมาสมน้ำหน้าเรา?
แพรรี่ : “หนูว่าถ้าคนจะสมน้ำหน้าคนอื่นที่ไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ทุกคนต้องสมน้ำหน้าตัวเอง เพราะทุกคนเคยไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก หนูรู้สึกแบบนี้ มันมีเหรอคะ คนที่เกิดมาเจอแฟนครั้งแรกปั๊ปปี้เลิฟ แล้วเป็นคู่ชีวิตไปตลอดกาล”
“อาจจะมี แต่น้อย ดังนั้นทุกคนเคยผิดพลาด และหนูอยากให้ทุกคนมองว่าการไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทุกคน และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะค้นหาและค้นพบความรักที่ดีกว่าได้ทุกคน สำหรับหนูรักทุกครั้งคาดหวังหมดเลย ไม่เคยมีครั้งไหนที่มีความรักแล้วไม่คาดหวัง หรือเล่นๆ ไม่มี ถ้าแอ๊วก็คือแอ๊ว เล่นๆ ก็คือเล่นๆ แต่ถ้าหนูบอกว่าคนนี้คือแฟนแสดงว่าหนูจริงจังมาก”
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ยังมองเราในแง่ลบกับความรักครั้งนี้?
แพรรี่ : “หนูว่าเขามีสิทธิ์ที่จะมองและจะคิดได้แบบนั้น แต่อย่างที่บอกคือความรักเป็นเรื่องของคนสองคน หนูจะไม่ยอมให้ความคิดเห็นของคนอื่นมาทำให้เรารู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับความสัมพันธ์ของหนูกับแฟนหนู หนูไม่เอา อาจจะมีเห็นบ้าง แต่หนูก็ไม่อาจปิดกั้นความคำวิจารณ์ได้ ทุกวันนี้หนูก็ยังโดน แต่หนูกับน้องตอนนี้ก็คือเรื่องของเราสองคน ถ้ายังรู้สึกดีต่อกัน คุยกันมันก็จบ”
แพลนที่วางไว้ตอนที่น้องยังปิดเทอมมีอะไรบ้าง ดูหนัง ฟังเพลงหรือทำอะไร?
แพรรี่ : “โดยทั่วไปอาจมีอย่างนั้น แต่ตอนนี้ที่หนูคาดหวังคือน้องปิดเทอม น้องมากรุงเทพฯ และหนูมีงานทุกวัน หนูก็ควรให้น้องได้เรียนรู้ว่าเป็นแฟนกับอินฟลูฯ ซึ่งต้องทำงานทุกวัน ชีวิตมันเป็นยังไง และการทำงานไม่ใช่เรียนรู้เฉยๆ แต่น้องจะมีรายได้ด้วยในช่วงที่น้องปิดเทอม หนูอยากหางานให้น้อง ให้น้องมีงานทำ และช่วงปิดเทอมให้น้องรู้สึกว่าเขาอยู่กับเราแล้วเขาได้อะไร แทนที่จะไปเที่ยวนู่นนี่ ซึ่งหนูก็พูดตรงๆ ว่าโอเคมั้ย ฟอร์ดเขาก็บอกว่าโอเค”
เราสายเปย์ไหม?
แพรรี่ : “เปย์งานให้ค่ะตอนนี้(หัวเราะ)”
ฟอร์ด : “เขาไม่เปย์เงินครับ แต่เขาให้งานครับ(ยิ้ม)”
ขายงานแพ็กคู่เลยใช่ไหม?
แพรรี่ : “ใช่ มีคนบอกว่าคบกันแล้วงานเข้า อันนี้หนูยอมรับ เพราะถ้ามันเป็นโอกาสแล้วทำไมหนูไม่ดึงโอกาสให้แฟนหนู แทนที่จะรู้สึกว่าเอาเขามาอยู่กับหนูแล้วหนูเปย์ หนูให้เงินเขา แต่คือหนูให้งานเขา แล้วถ้าวันนึงเขาไม่ได้อยู่กับหนูแล้ว หรือมีเหตุอันใดที่ให้ความสัมพันธ์เรายุติลง น้องก็จะได้มีประสบการณ์ที่ได้มาอยู่กับหนู ทำงานกับหนูติดตัวเขาไป”
จริงๆ ฟอร์ดหน้าตาดี อยากชวนน้องเข้าวงการไหม?
แพรรี่ : “ถ้ามีโอกาสหนูไม่ได้ปิดกั้นใดๆ เลยนะคะ แล้วเขาเป็นคนมีความสามารถนะคะ”
ถ้าน้องเขาไปเล่นละครกับผู้หญิง เราจะหึงไหม?
แพรรี่ : “หนูก็ทำนะ ถ้าหนูอยู่ในบทบาทการแสดงค่ะ เพราะมันคืองาน ถ้าไม่ทำมันก็ไม่ได้ งานก็คืองาน ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็คือความสัมพันธ์ส่วนตัว ต้องแยกกันค่ะ”
เป็นคนขี้หึงไหม?
แพรรี่ : “นิดนึงค่ะ แต่ว่าไม่ไร้สาระนะคะ ถ้าหนูรู้สึกว่าทำไมเป็นอย่างนี้ หนูก็จะถามเขานะคะ เขาก็จะพูดให้ฟัง”
มีกติกากันไหมว่าขอเรื่องนั้นเรื่องนี้?
แพรรี่ :“หนูขอแค่อย่างเดียว คือขอกันทั้งคู่เลยค่ะ ขอให้จริงใจต่อกันเท่านั้นเอง คือคุยกันได้หมด แต่ขอให้จริงใจ นี่ไม่ใช่คอนเทนต์สนุกหรือลวงโลกอะไรค่ะ”
มันมีบางคอมเมนต์บอกว่า ถ้าเราอยู่ด้วยกัน ไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่วิก โมเมนต์มันจะเป็นยังไง?
แพรรี่ :“เมื่อคืนหนูนอนกับเขา หนูไม่ได้ใส่วิก แต่งหน้านะคะ”
ฟอร์ด : “ตอนแต่งหน้า สวย(ยิ้ม)”
แพรรี่ : “ถ้าไม่แต่งหน้าแล้วสวยกว่าตอนแต่งหน้า หนูคงต้องไล่ช่างแต่งหน้าออกแล้ว(หัวเราะ)”
พี่แพรรี่แต่งหน้าใช้เวลานานไหม?
ฟอร์ด : “ไม่นานครับ รอได้”
หลงคารมน้องไหม?
แพรรี่ : “ไม่ได้หลงแต่รัก เพราะเขาคือแฟนเรา แล้วเวลาคนบอกแพรรี่เป็นคนคลั่งรัก หนูยอมรับว่าหนูคลั่งรัก แต่หนูก็คลั่งรักกับแฟนตัวเองไง”
ยืนยันว่าไม่ใช่ความรักที่ฉาบฉวย?
แพรรี่ : “ไม่ค่ะ มันคือความรัก เป็นความรักที่ต้องสร้างไปเรื่อยๆ แล้วทำให้ไปในทิศทางที่ดี ถ้าหนูไม่มีโมเมนต์แบบนี้ ไม่ทำให้แฟนรู้สึกว่าหนูรักเขา หนูจริงใจกับเขา เขาคือคนสำคัญกับหนู แล้วความรักจะไปต่อยังไงคะ หนูมองไม่ออก มันจะเป็นความรักที่ดีได้ยังไง หนูว่ามันก็ไม่ได้”
ความรักครั้งนี้ทำให้เราสดใสกว่าเดิมไหม?
แพรรี่ : “มากขึ้น ตื่นมาถ้าแบบเราเคยเห็นวิวที่มันธรรมดาไป มันเป็น pm2.5 แต่ตื่นมาแล้วหันไปเจอเขา มันมีพลังนะคะ (มองทุกอย่างเป็นสีชมพู?) ค่ะ”
มีแพลนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันไหม?
แพรรี่ : “มีค่ะ เดี๋ยวเดือนเมษาน้องต้องไปผัดผ่อนเรื่องทหาร แล้วหนูจะไปรับน้อง ก็ถือโอกาสไปเจอคุณพ่อคุณแม่ด้วย แล้วจะพาน้องไปจันทบุรีไปบ้านด้วย น้องก็ควรไปรู้จักคุณพ่อคุณแม่หนู แต่ว่าไปทำงานนะคะ”
เตรียมเอาใจคุณพ่อคุณแม่น้องยังไงบ้าง?
แพรรี่ :“จริงๆ คุณแม่เขาก็น่ารักนะคะ คุณแม่เขาเป็นลูกค้าหนู แอบสั่งแอบอุดหนุนน้ำพริกของหนูเยอะ เขาไม่กล้าเอาฟรี เกรงใจ อุดหนุนเยอะมาก เขาบอกช่วยกันทำมาหากิน(หัวเราะ)”
ขอถามเกี่ยวกับหนังเรื่อง หุ่นพยนต์ ในฐานะที่เราเคยเป็นพระมาก่อน มีความคิดเห็นเรื่องนี้ยังไง?
แพรรี่ : “หนูมองว่ารุนแรง และไม่น่าทำแบบนั้นเลย หนูเห็นใจทั้งผู้สร้างหนังและผู้กำกับ และก็ทางคนแบบเราๆ ที่เป็นผู้บริโภค ไม่ควรมีใครมาเป็นตัวแทนวิจารณญาณของเรา หนังควรมีการจัดเรตถูกต้องนะคะ ว่าคนอายุเท่าไหร่มีวิจารณญาณแล้วเข้าไปดู แต่ไม่ควรมีหน่วยงาน อันนี้พูดตรงๆ”
“ในการที่จะไปเซ็นเซอร์แล้วว่าอันนี้ทำได้หรือไม่ได้ หนูไม่มั่นใจว่าเขามีความลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของหนังได้แบบที่หนูเข้าใจหรือเปล่า ควรเป็นเรื่องของหนูไหม ไม่งั้นจะเขียนว่าโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมทำไม ในเมื่อคุณใช้วิจารณญาณแทนดิฉันไปแล้ว มันไม่ถูก”
“แล้วบางฉากเขาจะสื่อถึงเรื่องเณรกอดแม่ มันไม่ใช่ภาวะการกอดแบบปกติ แต่มันมีบริบทของหนัง เหมือนเราดูเรื่องทองเนื้อเก้าที่แม่หมดสติแล้วเอาผ้าเหลืองไปห่มตัว มันใช้ความเป็นลูกเป็นแม่มันสะท้อนอารมณ์อยู่เหนือสถานะ คิดไม่ได้เลยเหรอคะ ต้องให้ดิฉันไปนั่งด้วยไหมคะ กบว. เนี่ย เชิญดิฉันไปนั่งแล้วจะเทศน์ให้ฟังว่ามันได้หรือไม่ได้ยังไง ไม่ใช่เอาแต่กฎระเบียบว่าผ้าเหลืองถูกผู้หญิงไม่ได้ หรือผู้หญิงถูกผ้าเหลืองไม่ได้ คนเขาเข้าไปดูหนังค่ะ ไม่ได้เข้าไปดูสารคดีกรมประชาสัมพันธ์”
ซึ่งในทางความเป็นจริงการเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันเป็นไปได้ไหม?
แพรรี่ : “มันก็ต้องมีขอบเขตไหมคะ ถ้าคุณเห็นแม่คุณเปลื้องผ้า หรือแม่จมน้ำเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า คุณจะทำยังไง แล้วการที่เณรถือศีล 10 ข้อ แล้วมีความรักต่อแม่ มันนำมาเรื่องไม่ดีต่อศีลธรรมจรรยายังไง อยากให้นักข่าวไปยื่นไมค์ถาม กบว. ดูค่ะ”