แป้ง นาโหนด นอนคุกคืนที่ 2 ขอหนังสือสวดมนต์ กินข้าวหมดทุกมื้อ

Home » แป้ง นาโหนด นอนคุกคืนที่ 2 ขอหนังสือสวดมนต์ กินข้าวหมดทุกมื้อ
กินอิ่มนอนหลับ

ชิวเกิน! แป้ง นาโหนด นักโทษหนีคดี กินอิ่ม นอนหลับ ไม่เครียด ขอหนังสือสวดมนต์ หลังกลับเข้าเรือนจำ นอนคุกคืนที่ 2

แป้ง นาโหนด นอนคุกคืนที่ 2 ขอหนังสือสวดมนต์ กินอิ่ม นอนหลับ ไม่เครียด แพทย์สั่งจนท.ห้ามพูดคุยด้วย หวั่นถูกหว่านล้อม

หลังจากที่กรมราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด ผู้ต้องขังคดีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ก่อเหตุหลบหนีออกจากสถานคุมขัง กระทั่งทางการไทยประสานขอรับการสนับสนุนจากตำรวจสากล อินโดนีเซีย จนสามารถติดตามจับกุมได้ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนส่งกลับไทยและส่งคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง เมื่อที่ 5 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ได้รับการเปิดเผยจาก นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง ถึงประเด็นคุมขังนายเชาวลิตว่า สำหรับการนอนเรือนจำฯ เป็นคืนที่ 2 ภายในห้องกักโรคโควิด-19 ของเจ้าตัว เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (6 มิถุนายน 2567) ได้กินข้าวสวยกับแกงผัดไก่ สังเกตว่า แป้ง นาโหนด กินข้าวหมดตลอด ในช่วงค่ำพบว่านอนหลับปกติดี ไม่มีอาการเครียด แต่ได้มีการร้องขอหนังสือสวดมนต์กับเจ้าหน้าที่

172749
  • ทนายไพศาล ชี้ น้องมิ้ง ถูกทรมานจนตาย มั่นใจ ไอ้แซน โดนโทษหนักแน่!
  • คสช. เห็นชอบ 5 มาตรการ ปกป้องเด็กและเยาวชน จาก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’
  • ตามหาญาติ! ศพสาวนิรนาม ถูกทิ้งริมถนน คาด เป็นสาวภูเก็ตที่หายไป 4 วันก่อน

นายยุทธนา กล่าวต่อว่า เช้าวันนี้เจ้าตัวตื่นมาออกกำลังกายยืดเส้นยืดสาย และรับประทานอาหารเช้าไปเมื่อเวลา 08.30 น. ถ้าพ้นระยะกักโรคโควิด-19 จำนวน 5 วัน ผู้ต้องขังจะให้รายชื่อบุคคลที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ 10 รายชื่อ ซึ่งจะเริ่มให้เยี่ยมได้หลังพ้นระยะกักโรค (กักโควิด 5 วัน และสังเกตอาการอีก 5 วัน) รวมถึงกรณีการแต่งตั้งทนายความของผู้ต้องขัง

นายยุทธนา ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากพฤติกรรมก่อเหตุหลบหนี อาจเป็นเหตุทำให้คณะกรรมการสอบสวนการกระทำผิดวินัยผู้ต้องขังของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ต้องส่งผลสรุปโทษทางวินัยมาให้เรือนจำกลางบางขวางภายในสัปดาห์นี้ว่าต้องบังคับโทษคุมขังเดี่ยวนานกี่เดือน และกำหนดการลงโทษทางวินัยอย่างไรบ้าง

โดยภายในเดือน มิ.ย. ทางเรือนจำฯ จะเข้าสู่ขั้นตอนการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง เช่น ตรวจสอบว่าผู้ต้องขังมีการกระทำความผิดในเรื่องใด ซึ่งกรณีของ นายเชาวลิต ต้องดูเป็นวันต่อวัน ว่ามีการสะสมความเครียดหรือคิดอะไรอยู่หรือไม่

“ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเจ้าตัวมีลักษณะพิเศษ คือ การพูดจาโน้มน้าวได้ดี และเขาเคยต้องราชทัณฑ์มาก่อน ย่อมเข้าใจวัฒนธรรมของเรือนจำฯ พอสมควร ทำให้เขารู้แน่นอนว่าเรือนจำฯ จะมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ในช่วงแรกอาจมีความพยายามทำตัวโลว์โปรไฟล์ เราจึงต้องดูความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง”

นายยุทธนา กล่าวอีกว่า อีกทั้งในวันเสาร์ และอาทิตย์นี้ ปกติจะเป็นวันฟรีเดย์ (Free Day) ของผู้ต้องขังทั่วไปในแดนขังที่จะมีการรับชมโทรทัศน์ ส่วนนายเชาวลิต จะถูกตัดขาดจากสิ่งเหล่านี้ แต่เรื่องเสียงต่าง ๆ ก็อาจจะดังไปถึงห้องกักโรคของนายเชาวลิตได้ ตนจึงต้องดูว่าเจ้าตัวจะมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรหรือไม่

นอกจากนี้ ทางเรือนจำฯ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องขังภายในแดนเพื่อแยกกลุ่ม แยกบ้าน โดยเฉพาะผู้ต้องขังกลุ่มที่เคยอยู่ในพื้นที่ภาคใต้มาก่อน ทั้ง จ.นครศรีธรรมราช จ.พัทลุง หากเป็นไปได้เราจะดูในเรื่องของความสัมพันธ์ของนายเชาวลิต และผู้ต้องขังเหล่านั้นว่าเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก่อนหรือไม่ หรือมีความขัดแย้งมาก่อน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสงบเรียบร้อย

เรือนจำกลางบางขวางมีพื้นที่สำหรับคุมขังเดี่ยวโดยเฉพาะ อยู่ในแดน 2 (แดนควบคุมผู้ต้องขังเข้าใหม่ และควบคุมนักโทษเด็ดขาดอัตราโทษสูงตั้งแต่ 50 ปี ถึงตลอดชีวิต และโทษประหารชีวิต) ซึ่งจะใช้พื้นที่นี้ในการบังคับโทษ

ห้องขังเดี่ยวนี้จะไม่มีพัดลมในห้อง แต่มีส้วมซึมสำหรับทำความสะอาดร่างกาย และชำระล้าง รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำอาหารไปส่งให้ถึงห้อง เพื่อไม่ให้นายเชาวลิตได้เดินลงจากอาคารมาพบเจอหรือปะปนกับผู้ต้องขังรายอื่น ๆ ในแดน และจะไม่สามารถออกจากห้องนี้ได้ จนกว่าจะครบกำหนดการบังคับโทษทางวินัย

ผอ.เรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า ขณะที่การรักษาพยาบาล ภายในเรือนจำมีพยาบาลประจำแดนต่าง ๆ อยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลต้องขึ้นไปประเมินอาการเจ็บป่วย คล้ายการตรวจโรคอายุรกรรมทั่วไปเหมือนสถานพยาบาล กรณีอาการไม่หนักหรือวิกฤตจ่ายยาตามอาการ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีความจำเป็นต้องรักษาจึงจะพิจารณาย้ายไปแดน 12 (แดนพยาบาล)

ถ้าหากอาการแย่ลง ก็จะส่งไปเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ทันฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนถ้าจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์การแพทย์ หรือพบแพทย์เฉพาะทางก็ต้องประสานส่งต่อ รพ.ตำรวจ หรือ รพ.รักษาเฉพาะ เป็นต้น

“ยืนยันว่าในกระบวนการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ เจ้าหน้าที่และแพทย์มีการตรวจร่างกายนายเชาวลิตอย่างละเอียด และผลออกระบุชัดว่ามีสุขภาพแข็งแรงดีเยี่ยม สุขภาพจิตดี ยังไม่มีภาวะเครียด” ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง กล่าว

สำหรับการจัดลำดับชั้นนักโทษ นายยุทธนา ระบุว่า มีไว้เฉพาะนักโทษเด็ดขาด หรือผู้ที่ถูกคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก กรณีนายเชาวลิตที่ก่อเหตุหลบหนี ยังเป็นเพียงผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ยังไม่สามารถจัดชั้นได้ แต่ตามหลักการราชทัณฑ์ยึดเรื่องความปลอดภัยสูงสุด โดยช่วงที่ผ่านมามีการปรับเพิ่มเติมแก้ไขกฎกระทรวง หรือระเบียบกรมราชทัณฑ์เพื่อทำให้ผู้ต้องขังที่พิจารณาเเล้วเห็นว่าอาจยังเป็นภัยอันตรายต่อสังคมให้อยู่ภายในเรือนจำนานขึ้น

นายเชาวลิต มีพฤติกรรมเคยหลบหนีการคุมขัง ดังนั้น ในช่วงกักโรคโควิด-19 ทางเรือนจำฯ จึงมีมาตรการเฝ้าระวังไม่ให้เผชิญเหตุอันตรายด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดจับภาพ โดยมีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ 24 ชม. เบื้องให้อยู่ในห้องกักโรคเพียงลำพัง เพราะยังไม่มีผู้ต้องขังโทษประหารชีวิตย้ายเข้ามา

โดยคาดว่าการอยู่คนเดียวจะทำให้มีเวลาทบทวนตัวเอง ยอมรับว่าทางเรือนจำฯ คำนึงถึงการคิดสร้างสถานการณ์อื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ยืนยันว่าเรือนจำฯ ค่อนข้างตื่นตัว และมีแผนป้องกันการก่อเหตุหลบหนีแน่นอน

“เรามีการวางขั้นตอนเตรียมรับมือไว้แล้ว โดยเฉพาะกระบวนการรับตัวเข้าเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจร่างกายนายเชาวลิตครบถ้วนทั้งการเอ็กซเรย์ วัดสัญญาณชีพ ค่าความดัน การเจาะเลือด เป็นต้น จนได้ผลสรุปว่าเป็นบุคคลที่มีร่างกายแข็งแรงดีเยี่ยม หากในอนาคตจะมีการกล่าวอ้างอาการเจ็บป่วยต่างๆ เราก็สามารถใช้เอกสารบันทึกการตรวจร่างกายเหล่านี้ยืนยันได้” นายยุทธนา ระบุ

เมื่อถามถึงการ ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ นายยุทธนา ระบุว่า เป็นสิทธิของผู้ต้องขังเด็ดขาดทุกรายซึ่งมีทั้ง 1.ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย และ 2.การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป เบื้องต้นเข้าใจว่านายเชาวลิตจะไม่ได้รับประโยชน์ในส่วนนี้ เนื่องจากสถานะผู้ต้องขังขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี ยังไม่ทราบอัตราโทษ จึงยังไม่สามารถปรับชั้นได้ ทั้งนี้ การพระราชทานอภัยโทษยังต้องดูแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่ามีการระบุถึงรายละเอียดรายคดีที่จะได้รับสิทธิ หรือยกเว้นด้วย

ซึ่งหากมองในส่วนของคดีที่นายเชาวลิตถูกศาลพิพากษาตัดสิน ทราบว่าบางคดีมีการลงโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี ยังไม่นับรวมในคดีอื่น ๆ เช่น พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน โดยรวมแล้วกว่า 10 คดี บางคดีก็มีโทษจำคุก 2 ปี รวมแล้วเป็น 10 ปี ซึ่งในบางคดีที่มีรายละเอียดที่ซับซ้อนก็อาจจะมีโทษเพิ่มขึ้นได้

ซึ่งภารกิจของตนมีอยู่ 4 ประการ คือ 1.ไม่ให้ผู้ต้องขังหลบหนี 2.ไม่ให้เกิดภัยอันตรายต่อผู้ต้องขัง 3.การประสานงานหน่วยงานในกระบวนการที่เกี่ยวข้อง และ 4.การให้สิทธิผู้ต้องขังติดต่อทนายความ

ในขณะที่ นพ.สมภพ สังคุตแก้ว หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ และในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ได้เผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเชาวลิตได้ทานอาหารเมนูข้าวสวยกับต้มจับฉ่ายไก่ ซึ่งรับประทานอาหารหมด ส่วนสภาพจิตใจยังคงปกติดี ไม่พบอาการความเครียดสูง แต่มีบ้างระหว่างวันที่เจ้าตัวนั่งมองเหม่อไปบริเวณรอบๆ ห้องกักโรค คล้ายกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงบางครั้งก็มีการมองที่กล้องวงจรปิด

สิ่งสำคัญที่เราเน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เเละพยาบาล คือ การห้ามพูดคุยกับผู้ต้องขัง และต้องระมัดระวังเรื่องการพยายามสร้างเครือข่าย การพูดจาโน้มน้าวต่าง ๆ แต่โดยรวมตอนนี้สถานการณ์ยังปกติดี อย่างไรก็ต้องพิจารณาเป็นรายวัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ