หลากหลายแบรนด์ดังแห่ระงับกิจการในรัสเซีย ชี้ไม่มีกำไรได้ จุดยืนในมนุษยธรรมต้องมาก่อน แต่ยังคงจำหน่ายสินค้าบางประเภท เพื่อความอยู่รอดของพลเมืองรัสเซีย

หลังจาก ดีมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนกล่าวกับ CNN ว่า “บริษัทตะวันตกทั้งหมดต้องถอนตัวออกจากรัสเซีย ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม เราไม่ยินดีที่ได้ยินว่าบริษัทต่าง ๆ เช่น Coca-Cola และ McDonald’s ยังคงอยู่เปิดกิจการในรัสเซียและยังคงให้บริการผลิตภัณฑ์ของตนต่อไป”

โธมัส พี. ดินาโปลี หัวหน้ากองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก กล่าวในแถลงการณ์ “บริษัทที่ทำธุรกิจในรัสเซียจำเป็นต้องพิจารณาอย่างจริงจังว่าคุ้มกับความเสี่ยงหรือไม่ ผมขอยกย่องบริษัทที่กำลังดำเนินการอย่างถูกต้องและระงับการดำเนินงานในรัสเซีย”

ทำให้เกิดกระแสดราม่า เพิ่มแรงกดดันให้บริษัทอาหารและเครื่องดื่มสัญชาติตะวันตกที่ต้องเผชิญกับการเรียกร้องให้ถอนตัวจากรัสเซียเป็นจำนวนมากจนลามเกิดแฮชแท็ก #Boycott ล่าสุดทางคริส เคมป์ซินสกี ซีอีโอของแมคโดนัลด์ยักษ์ใหญ่ฟาสต์ฟู้ดประกาศระงับกิจการเป็นที่เรียบร้อย (อ่านเพิ่มเติมที่ คลิก)

A McDonald’s in Moscow in 2018. The company said it would temporarily close its Russia locations.Credit…Tatyana Makeyeva/Reuters

ต่อมาทางสตาร์บัคส์ (Starbucks) ก็เข้าร่วมการปิดกิจการธุรกิจทั้งหมดในรัสเซีย รวมถึงระงับการจัดส่งผลิตภัณฑ์และร้านกาแฟ โดยเควิน จอห์นส ซีอีโอบริษัทสตาร์บัคส์ แถลงว่า “วันนี้เราได้ตัดสินใจที่จะระงับกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดในรัสเซียและพันธมิตรที่ได้รับใบอนุญาตของเราได้ตัดสินใจจะหยุดการดำเนินงานของร้านค้าทันที”

“เราขอประณามการโจมตียูเครนของรัสเซียและขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ” อย่างไรก็ตาม Alshaya Group ซึ่งดำเนินการร้านกาแฟ Starbucks อย่างน้อย 130 แห่งจะยังคงให้การสนับสนุนเงินเดือนพนักงานเกือบ 2,000 คนในรัสเซีย ซึ่งพึ่งพาบริษัทในการดำรงชีพ

บริษัท Coca-Cola กล่าวในภายหลังว่ากำลังระงับธุรกิจในรัสเซีย ส่วน Pepsi ซึ่งขายเครื่องดื่มในรัสเซียตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 แถลงคำพูดของรามอน ลาวาร์ตา ซีอีโอของ PepsiCo ว่าจะระงับการลงทุน และการโฆษณา และกิจกรรมส่งเสริมการขายเครื่องดื่ม แต่บริษัทยังคงดำเนินการผลิตนม ผลิตภัณฑ์จากนม สูตรอาหารสำหรับทารก รวมถึงสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เหตุเพื่อสนับสนุนพนักงานชาวรัสเซีย 20,000 คนและเกษตรกรชาวรัสเซีย 40,000 คนในห่วงโซ่อุปทาน

Danone (DANOY) ซึ่งผลิตผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับนม แอคทีเวีย และโยเกิร์ตสูตรสำหรับทารกประกาศระงับโครงการลงทุนทั้งหมดในรัสเซีย แต่จะรักษาการผลิตและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมสดและโภชนาการสำหรับทารก เพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่สำคัญของประชากรในท้องถิ่น

Yum Brands (YUM) ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ KFC, Pizza Hut, Taco Bell และ Habit Grill กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ได้ระงับการลงทุนและการพัฒนาร้านอาหารทั้งหมดในรัสเซีย พร้อมเปลี่ยนเส้นทางจากการได้รับผลกำไรทั้งหมดไปสู่ความพยายามด้านมนุษยธรรม” ซึ่งมีร้านอาหารเคเอฟซีประมาณ 1,000 แห่งและร้านพิซซ่าฮัท 50 แห่งในรัสเซีย

การระงับกิจการของบริษัทอาหารและเครื่องดื่มเกิดขึ้นหลังจากแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ เช่น Netflix, Levi’s, Burberry, Ikea และ Unilever เจ้าของ Marmite และ Ben & Jerry’s ประกาศว่าพวกเขาได้หยุดกิจการต่าง ๆ ในประเทศรัสเซีย

ทางด้านฟาร์ริล เบิร์ตมันน์ นักโภชนาการและอาจารย์อาวุโสในแผนกโภชนาการและวิทยาศาสตร์การอาหารแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์มอนต์ เตือนว่า หากบริษัทอาหารขนาดใหญ่ออกจากรัสเซียทั้งหมด พลเมืองอาจประสบปัญหาครั้งใหญ่ ทำให้หลากหลายแบรนด์ยังคงจำหน่ายสินค้า อาหาร และของใช้จำเป็นสำหรับพลเมือง

ขอบคุณที่มาจาก CNN Nytimes The Guardian