เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2567 ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ตำบลฝายแก้ว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ที่สุดทนกับพฤติกรรมของพระสงฆ์จากวัดชื่อดังของจังหวัดน่าน ได้ขับรถเก๋งเข้าไปในบ้านท้ายซอยเป็นประจำแทบทุกวัน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 จนถึงปัจจุบัน โดยได้แอบดักถ่ายรูปและคลิปไว้เป็นหลักฐาน ขณะขับรถเก๋ง สีดำ เข้ามาจอดที่บ้านหญิงสาว เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 18.37 น. โดยมีหญิงเจ้าของบ้านกางร่มออกมารับเข้าไปในบ้านหายเงียบไปนานราว ๆ 3 ชั่วโมง ก่อนขับรถกลับไป
ทางด้านนางหญิง (นามสมมุติ) ได้เล่าว่า เห็นพระรูปนี้มาที่บ้านหลังนี้เกือบทุกวัน โดยหญิงเจ้าของบ้านจะคอยออกมารับและหายเข้าไปในบ้านนาน 2-3 ชั่วโมง ไม่ทราบว่าเข้าไปทำอะไรกันทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาค่ำคืนยามวิกาล ไม่น่าจะถูกต้องตามวัตรปฏิบัติหรือกิจของสงฆ์ แม้ว่าตนจะแจ้งไปยังผู้นำท้องที่ให้มาตรวจสอบดำเนินการ แต่เรื่องก็เงียบไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจแอบถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน และส่งให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ เพื่อปกป้องพุทธศาสนา เพราะจากการที่พระสงฆ์ ขับรถออกบ้านหญิงสาว จะไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็ดูไม่ดี ไม่เหมาะสม ควรจะสึกออกมาให้ถูกต้อง จะได้ไม่เสื่อมเสียต่อพุทธศาสนาต่อไป
- สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์ทวีความรุนแรง เสียชีวิตกว่า 15,900 ราย
- หนุ่มฉุน! ข้างบ้านตัดหญ้าเสียงดัง ไม่มีสมาธิสอนธรรมะ คว้าจอบฟันดับ
- จับได้แล้ว ชายเร่ร่อน ซื้อบริการ 200บาท เล่นเสียว กลางลานจอดรถ
ต่อมาได้สอบถามทางด้านหญิงสาวเจ้าของบ้าน อายุ 43 ปี กรณีที่พระรูปดังกล่าวขับรถไปหายามค่ำคืน ยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่พระมาหาตน แต่ขอยืนยันว่าไม่มีเรื่องชู้สาว ตนเองมีความรู้สึกเหมือนพระเป็นน้องชายคนหนึ่ง แต่ละครั้งที่พระมามีแม่ตนเองอายุ 65 ปี อยู่ด้วยในบ้าน ทุกครั้งที่แม่ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว ก็จะบอกให้พระมาเอาอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ และขนมเพื่อไปฉันท์ที่วัด ซึ่งแม่มักจะขอร้องให้พระมาเยี่ยมดูแลตอนกลางคืน เนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนบ้านกลัวจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้คิดเรื่องชู้สาว แต่ถ้าชาวบ้านมองเป็นอย่างนี้ตนและแม่ก็จะบอกไม่ให้พระมาอีกแล้ว และตนก็หยุดไม่ไปทำงานที่วัดดังกล่าวด้วย เพราะทางเจ้าอาวาสวัดให้หยุด และจะประกาศขายบ้านย้ายออกจากหมู่บ้านให้เร็วที่สุดเพื่อตัดปัญหาต่าง ๆ
ขณะที่ทางด้านของ นายณัฏฐ์ปวัฒน์ ลือยศ ผู้อำนวยการพุทธศาสนาจังหวัดน่าน ได้กล่าวว่า กำลังหารายละเอียดข้อเท็จจริงรอบด้าน เท่าที่ได้ข้อมูลเบื้องต้นและประสานไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวัดนี้ และเจ้าอาวาสยอมรับว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และจะดำเนินการไปตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งทุกฝ่ายมิได้นิ่งนอนใจจะต้องดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วเพื่อเป็นการปกป้องพุทธศาสนาต่อไป