จากกรณีการเสียชีวิตของ เสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย อย่างปริศนา เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้น้องสาวของ เสี่ยต้นสงสัยการตายมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ ไปสู่การจับกุม “เจ๊มด” ที่ตกเป็นผู้ต้องหา จ้างวานการฆาตรกรรมในครั้งนี้
วันที่ 1 ก.ค. 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ น.ส.ธัญณิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช เปิดเผยถึงกรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต หรือ เสี่ยต้น ในพื้นที่ สภ.ยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม และนำมาสู่การสงสัยว่า เป็นเหตุฆาตกรรมวางยาโดยภรรยา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ว่า ตนเข้ามาว่าความให้เจ๊มด (ภรรยาเสี่ยต้น) ตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยน.ส.วรรณิภา หรือ “เจ๊มด” อายุ 37 ปี ได้รู้จักกับ น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง และได้พูดคุยปรึกษากัน ก่อนจะให้ตน ได้มาว่าความแทนทนายคนเดิม
- ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นศาลหลังไต่สวน ฟ้องหมิ่นฯ ‘บิ๊กเต่า’ เผย! พร้อมเจรจาไกล่เกลี่ย
- สาวขับรถ เผลอขยี้ตา เสียหลัก พุ่งชนกระบะ-รถข้างทาง เพราะขยี้ตา
- แม่ช็อก! ลูกสาววัย 4 ขวบ หัวปูด-ตาปิด หลังกลับจาก รร. ครูบอกไม่รู้ไม่เห็น
ทนายพัช กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ได้รับเลือกให้เข้ามาว่าความให้ ตนก็เดินทางไปที่มหาสารคาม เพื่อลงไปดูสภาพแวดล้อมความเป็นจริง ในพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกับสร้างซีนให้เสมือนจริงในวันเกิดเหตุ และเก็บข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่บ้านของแม่เจ๊มด ซึ่งในตอนแรกตนก็กังวลว่าจะจะเข้ามารับคดีนี้ดีหรือไม่ เพราะตนมีงานค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับทำคดีให้เจ๊มด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย จากคดีแอมไซยาไนด์ ใช่ไหม ทนายพัช เผยว่า ตนไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เพราะเท่าที่สืบพยานหลักฐานต่างๆ ไม่พบว่าเจ๊มดกระทำความผิด ในเรื่องของการวางยา สังหารสามีตนเอง