ฟังหมอแทบทรุด ชายอายุกว่า 60 ปี ต้องเข้าผ่าตัด 7 ครั้ง เอาตับออกครึ่งหนึ่ง ต้นเหตุเพราะ “เครื่องดื่ม” ที่คิดว่ามีประโยชน์
การทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “อย่างไม่ถูกต้อง” แทนที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพ อาจกลายเป็นการต่อต้านและก่อให้เกิดการเจ็บป่วยได้ ดังเช่นกรณีของ “นายหวัง” ชายชาวจีนที่อายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องเข้ารับการผ่าตัด 7 ครั้ง และต้องเอาตับออกครึ่งหนึ่ง เนื่องจากความผิดพลาดในการ “ดื่มชา” เพื่อลดไขมันในเลือด และป้องกันโรคหัวใจ
ตามรายงานพบว่า นายหวัง อาศัยอยู่กับครอบครัวในเจ้อเจียง ประเทศจีน มีนิสัยชอบดื่มชามาตั้งแต่เด็กๆ ประกอบกับตอนนี้อยู่ในช่วงวัยเกษียณ และได้รับคำเตือนจากแพทย์ว่าดัชนีไขมันในเลือดสูงเล็กน้อย แม้จะยังไม่เป็นโรคแต่ก็ยังควรระมัดระวัง ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ดื่มชามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้เรียนรู้มาว่าชาช่วยลดไขมันในเลือด ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง และผลกระทบสุขภาพอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม นายหวังนึกไม่ถึงว่านิสัยการดื่มชาที่เขาคิดว่าดีต่อสุขภาพนั้น แท้จริงแล้วเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ มากมาย ถึงกับทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัด 7 ครั้ง รวมทั้งการผ่าตัดเอาตับออกครึ่งหนึ่งด้วย ตามที่เขาเล่าคือ เริ่มมีอาการปวดท้องน้อย เหนื่อยล้า และเบื่ออาหารเป็นเวลาหลายเดือน กระทั่งในเย็นวันหนึ่งอาการปวดท้องก็รุนแรงขึ้น พร้อมกับมีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ในเวลา 22.00 น. ครอบครัวจึงได้เรียกรถพยาบาลให้นำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่
แพทย์ตรวจพบว่ามีนิ่วในท่อน้ำดี ร่วมกับท่อน้ำดีอุดตันเฉียบพลัน “อาการของผู้ป่วยมีความซับซ้อนเป็นพิเศษ นิ่วไม่เพียงแต่กระจายอยู่ในท่อน้ำดีนอกตับเท่านั้น แต่ยังแพร่กระจายไปยังท่อน้ำดีในตับด้วย แต่ละครั้งที่เกิดนิ่วจะมีอาการเจ็บท้องรุนแรง ท้องอืด มีไข้สูง และหนาวสั่นร่วมด้วย เนื่องจากมาโรงพยาบาลล่าช้า จึงมีสัญญาณของการติดเชื้อทางเดินน้ำดีขั้นรุนแรง ไม่ต้องพูดถึงว่ามีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ และมีอายุมากแล้ว ชีวิตของคนไข้ตกอยู่ในอันตราย และต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน”
ในท้ายที่สุด นายหวังต้องเข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด 7 ครั้ง ได้แก่ การผ่าตัดถุงน้ำดี การผ่าตัดลิโธทริปซีท่อน้ำดีทั่วไป การผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนต้น และการผ่าตัดตับซีกซ้าย โชคดีที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จ และอาการของเขาก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
4 ข้อผิดพลาดในการดื่มชา ที่ทำให้เจ็บป่วยแต่หลายคนยังทำ
- ดื่มชาผิดเวลา เช่น เมื่อหิว หลังทานอาหาร ก่อนนอน
- ดื่มชามากเกินไป แม้กระทั่งดื่มชาแทนน้ำ
- ดื่มชาที่เข้มหรือแรงเกินไป
- ดื่มชาที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะอุณหภูมิเกิน 60 องศาเซลเซียส
ชาเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ถ้าเราดื่มในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสม สำหรับกรณีของนายหวัง เขาทำ 3 ข้อแรกที่กล่าวข้างต้น นำไปสู่ปัญหานิ่วและตับ โดยเฉพาะเมื่อเขาเชื่อว่าชามีสารหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นการดื่มอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จะมีผลดีต่อการลดไขมันในเลือดมากขึ้น เขาดื่มชาหลายครั้งในระหว่างวัน โดยเฉพาะหลังอาหารเย็น
ในขณะที่แพทย์อธิบายว่า “ชาเข้มข้นมีคาเฟอีนและธีโอฟิลลีนในระดับสูง การดื่มมากเกินไปเป็นเวลานานจะกระตุ้นการหลั่งน้ำดีและเพิ่มภาระให้กับระบบทางเดินน้ำดี อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนิ่ว นิ่วในไต นิ่วในกระเพาะอาหาร…”
การดื่มชาที่เข้มข้นและปริมาณมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อตับได้หลายกรณี ตัวอย่างเช่น การเพิ่มภาระให้กับตับเนื่องจากการเผาผลาญคาเฟอีนสูง ทำให้เกิดความเสียหายเมื่อเวลาผ่านไป การบริโภคโพลีฟีนอลมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นพิษต่อตับได้ อีกทั้งยังป้องกันการดูดซึมธาตุเหล็กและแทนนินจากชามากเกินไป ซึ่งจะลดการทำงานของตับเมื่อเวลาผ่านไป ฟลูออไรด์ในชาที่เข้มข้นอาจทำให้ตับถูกทำลายได้หากสะสมมากเกินไปด้วย
นอกจากนี้ คุณหมอเตือนคุณว่าอย่าดื่มชาทันทีหลังรับประทานอาหาร จะทำให้อาหารไม่ย่อย ขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็กและโปรตีน เพิ่มความเสี่ยงต่อกรดไหลย้อน ดังนั้น ทางที่ดีควรดื่มชาที่ชงพอประมาณ หลังอาหาร 30-60 นาที และห้ามดื่มชาที่ร้อนเกิน 60 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้เกิดแผลไหม้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหารได้
- รู้ไว้ดีกว่า! หมอเจออีกเคส “มะเร็งผิวหนัง” ต้นเหตุคือนิสัย “อาบน้ำ” แบบหลายคนชอบทำ
- เช็กสักนิด! หมอเตือนผัก 4 ชนิด ติดอันดับ “ราชาตับเน่า” กินแล้วอย่าโทษตับเสื่อมก่อนวัย