แตงโม กราบน้ำใจ เอ ศุภชัย ยกหนี้ครึ่งล้าน พร้อมตอบแทนเล่นละครฟรี

Home » แตงโม กราบน้ำใจ เอ ศุภชัย ยกหนี้ครึ่งล้าน พร้อมตอบแทนเล่นละครฟรี



แตงโม กราบน้ำใจ เอ ศุภชัย ยกหนี้ครึ่งล้าน พร้อมตอบแทนเล่นละครฟรี

ตั้งใจที่จะไปเซอร์ไพรส์วันเกิดผู้จัดการดาราชื่อดัง เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร แต่นักแสดงสาว แตงโม นิดา กลับเจอผู้จัดการคนดังเซอร์ไพรส์กลับด้วยการยกหนี้ 4 แสนบาทให้แทน

โดยนักแสดงสาวได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า “จริงๆ แล้วโมก็ไม่ได้ตั้งใจ ว่าจะไปได้อะไรเลยนะคะ พี่เอเขามีวันเกิดตรงกับวันคริสต์มาสพอดี แล้วทุกๆ ปีเราจะไปฉลองที่เชียงใหม่ด้วยกัน แต่โควิด มันก็เลยไม่ได้ไปกันหลายปีแล้ว ปีนี้เราก็เลยยกพวกไปเซอร์ไพรส์พี่เอที่บ้าน

แล้วก็เจอเซอร์ไพรส์กลับด้วยความที่พี่เอเอ็นดูน้อง รักน้อง เห็นกันมานาน พี่เอก็เลยยกหนี้ให้ แต่จริงๆ พี่เขาอาจจะลืมไป ในคลิปพี่เอบอกว่า 4 แสนใช่ไหมค่ะ แต่จริงๆ แล้วมัน 5 แสนบาทค่ะ พี่เออาจจะไม่รู้ว่ามันครึ่งล้านเลยนะคะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือสากัน”

5 แสนที่ยืมมา เป็นค่าอะไร?เป็นในเรื่องของช่วงโควิดนะคะ ที่เจอเรื่องที่จะต้องใช้จ่ายมากๆ คุณพ่อป่วย แล้วก็จะมีค่าเทอมโมด้วย แล้วก็จะมีในเรื่องของจิปาถะ หลายๆ อย่าง เพราะโมเป็นเสาหลักในบ้าน แล้วช่วงนั้นเราไม่ได้รับงานเลย เรียนอย่างเดียวเลย บวกกับที่เราไปผิดพลาดจากศัลยกรรม

จนตอนนั้นยังทำงานไม่ได้ ก็เลยหายไปจากหน้าจอประมาณ 2 ปีได้ แต่ว่าก็จะเจอกับพี่เออยู่บ่อยๆ เจอล่าสุดก็งานศพคุณพ่อ แล้วได้มาเจอกันคราวนี้ ก็คือคิดถึงกันมากๆ”

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย @melonp.official

ตอนขอยืมว่าซึ้งแล้ว ตอนที่เขายกหนี้ให้ซึ้งกว่า น้ำตาแตกทั้งสองคนเลย? “ใช่ค่ะ คือมันเป็นความรู้สึกที่มันไม่ใช่เรื่องเงินค่ะ มันเป็นเรื่องความเสียสละให้น้องคนหนึ่ง โมรู้สึกว่ามันทำให้เราอุ่นใจเข้าไปอีก ว่าถึงเราจะเคยหยิบยืมเขาในยามลำบาก

แต่ระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้ว ว่าเราไม่ได้จมอยู่กับที่ เรามีเหตุการณ์มากมายผ่านมา เราก็มูฟออนตลอด ซึ่งพี่ๆ ก็จะคอยดูเราอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ”

จุดเริ่มต้นความสนิท? “จริงๆ แล้วเรารู้จักกันมาตั้งแต่โมเข้าวงการเลยค่ะ เข้ามาก็รู้จักกับพี่วุฒิก่อน พี่วุฒิเป็นเพื่อนของพี่เออีกทีหนึ่ง พี่วุฒิเป็นผู้จัดการโม แล้วก็ซี ศิวัฒน์ หลังจากนั้นก็รู้จักกันมายาวจนปัจจุบันนี้ค่ะ”

เขายกหนี้ให้ 4 แสน แต่จริงๆ แล้ว 5 แสน แล้วต้องจ่ายเพิ่มหรือเปล่า? “ก็บอกพี่เอนะคะ ว่าขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่ลืมไปอีก 1 แสนนะคะ โมลดให้ค่ะ ไม่เป็นไร”

แล้วเราได้มีอะไรตอบแทน หรือว่าขอบคุณอะไรไหม? “ไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลยค่ะ เรารู้สึกแบบนี่แหละคือครอบครัวของเรา มีความรู้สึกว่า หลังจากที่คุณพ่อเสียไป เราก็ยังมีคนที่อยู่กับเราเวลาเราทุกข์ แต่เวลาเราสุขเราก็สุขด้วยกันตลอด พี่เอไม่เคยหายไปจากโมเลย

โมก็ไม่รู้จะใช้คำไหนมาขอบคุณ โมก็เลยบอกว่าพี่เอ ต่อไปนี้ถ้าพี่เอรู้สึกว่าโมเหมาะสมกับงานไหน โมจะทำงานใช้จนกว่ามันจะหมดไปค่ะ หรือว่าจะทำให้ตลอดไปเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นพี่เอ โมพร้อมเสมอ”

ความรู้สึกมันมากกว่าเงินที่ได้รับใช่ไหม? “ใช่ค่ะ เพราะว่าเราไป เราก็ไม่ได้หวังอะไรเลยจริงๆ อยากไปเซอร์ไพรส์เขา อยากให้เขามีความสุขแค่นั้นเลย วันนั้นมิสชั่นคอมพลีตแล้ว แต่เพราะความเมตตา ความน่ารักของพี่เอ เลยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น โมก็ต้องขอบคุณแทนคุณพ่อด้วย ที่พี่เอมีความรู้สึกดีๆ ให้กันมาตลอด ถ้าพ่อได้รู้ พ่อคงจะขอบคุณพี่เอจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงเหมือนกัน”

 

ปัญหาเรื่องเงินที่เราเจอในช่วงโควิด มันดีขึ้นหรือยัง? “มันคลี่คลายไปเยอะมากแล้วค่ะ จากตอนนั้น ที่เคยออกไปรายการมีหนี้อยู่ประมาณ 10 ล้านบาทได้ เพราะบ้านเราเคยเอาไปรีไฟแนนซ์ ตอนมีปัญหาต้มยำกุ้ง แล้วตอนนี้ก็มาครึ่งทางแล้ว โมรู้สึกว่ามันเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่เราจะสู้ต่อไป

งานตอนนี้ก็เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ ใช่ไหม? “มีเข้ามาเรื่อยๆ เลยนะคะ คือได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ อย่างพี่พชร์ อานนท์ ด้วยนะคะ อย่างที่เห็นกัน ในระยะที่ผ่านมา ก็เหมือนจะมีดราม่าเรื่องโมกับพี่พชร์ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นก็คลี่คลายไปแล้ว เพราะฉะนั้นโมก็มีพี่พชร์คนเดิมที่โมเคยรู้จัก แล้วพี่พชร์ก็ยังเมตตาโมเสมอเลย มีหนังหอแต๋วแตก ก็เรียกโมไปเล่น แล้วในส่วนของละคร ก็เพิ่งจะเปิดกล้องไป

แล้วยังมีในส่วนของพรีเซ็นเตอร์ แล้วก็ธุรกิจเซรั่มของโมทุกๆ อย่างเป็นไปได้ด้วยดีพร้อมๆ กันหมดเลย เลยรู้สึกว่า มันเป็นช่วงเวลาที่โชคดีมากๆ มีความสุขมากๆ คิดย้อนกลับไปแล้วแบบ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมูฟออกมาได้เร็วขนาดนี้ เพราะคุณพ่อเพิ่งเสียไปได้แค่ปีกว่าๆ เอง”

หวั่นใจกับโควิดระลอกใหม่ไหม? “สำหรับโอมิครอน ก็ได้รับข่าวมาบ้าง แต่ในใจโม โมรู้สึกว่า ถ้าเรารักษามาตรการอยู่แล้ว เป็นคนเคร่งครัดอยู่แล้ว มันก็พอจะช่วยได้อีกขั้นหนึ่ง แต่ทางที่ดีก็คืออย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงในที่คนมากๆ เช่นช่วงปีใหม่ โมก็ไม่ออกไปไหนเลย

ขออยู่แต่ในกรุงเทพฯ เพราะคนน้อยมากๆ จะไม่ไปที่ที่เขาท่องเที่ยวกัน ก็เป็นการป้องกัน ส่วนในเรื่องของงาน ก็ต้องรอดูกัน แต่ด้วยความที่โมเป็นคริสเตียนด้วย โมมีความเชื่อ แล้วก็มีความหวังอยู่เสมอ ว่าฟ้าหลังฝน พระเจ้าจะอวยพรให้เราได้เจอกับสิ่งดีๆ ตลอดค่ะ”

ขอบคุณรูปจากไอจี : melonp.official



แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ