‘แดน’จัดเต็มความฮาหลอน กำกับฯควบแสดงหนัง‘ทวงคืน’

Home » ‘แดน’จัดเต็มความฮาหลอน กำกับฯควบแสดงหนัง‘ทวงคืน’



เคยฝากฝีมือกำกับการแสดงไว้ใน ภาพยนตร์ “คืนวันเสาร์ถึงเช้าวันจันทร์” และ “ฤดูที่ฉันเหงา” ล่าสุดผู้กำกับฯ และศิลปินหนุ่มมากความสามารถ ‘แดน’ วรเวช ดานุวงศ์ ขอมาแสดงฝีมืออีกครั้งกับการ กำกับภาพยนตร์เรื่องใหม่ “ทวงคืน” แนวเขย่าขวัญ-โรแมนติกคอมเมดี้ แถมยังลงแสดงเองคู่กับแฟนสาวตัวจริง ‘แพทตี้’ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา พร้อมศิลปินคู่หูดูโอ ‘บีม’ กวี ตันจรารักษ์

นอกจากนี้ยังมี ‘เต๋า’ เศรษฐพงศ์ เพียงพอ, ‘เต๋า’ สมชาย เข็มกลัด, ‘นิวเคลียร์’ หรรษา จึงวิวัฒนวงศ์ และ ‘เสนาหอย’ เกียรติศักดิ์ อุดมนาค ร่วมแสดง อำนวยการสร้างโดยค่ายเอ็ม พิคเจอร์ส

ทั้งนี้ ‘แดน วรเวช’ ผู้กำกับฯ เผยที่มา ของภาพยนตร์ว่า “เริ่มต้นจากเพจเฟซบุ๊ก ‘ทวงคืนแพทตี้อังศุมาลินจากแดนวรเวช’ นี่แหละ อย่างแรกเราได้คำว่า ทวงคืน จากเพจนี้ พอมีเพจนี้เหมือนเป็นแรงผลักดันทำให้เราอยากดูแลน้องแพทตี้ให้ดีที่สุดกว่าเดิม เลยกลายเป็นไอเดียตั้งต้นและมาผสมกับธีมเรื่องที่ว่าอย่าต้องรอให้ใครต้องมาทวงคืน แต่จงใช้วันนี้และเวลาทั้งหมดที่มีอยู่ กับสิ่งที่มีค่าที่สุด โดย ทวงคืน เป็นหนัง โรแมนติกคอมเมดี้ที่มีผีเข้ามาเกี่ยวข้อง”

“หลังได้ธีมเรื่องก็รีเสิร์ชหาข้อมูล เพราะจะมีการเล่าเรื่องแบบพีเรียด ก็จะท้าทายหน่อย ต่อไปคืออาชีพของคู่พระนางที่เราต้องเลือกอาชีพที่เราเข้าใจมันมากที่สุด ถ้าเลือกมาไม่ตรงหรือไม่ใช่ มันจะสร้างความเชื่อให้กับคนดูได้น้อยลง จนมาลงล็อกอาชีพยูทูบเบอร์ เช่นเดียวกับที่ผมและแพทตี้ทำในชีวิตจริง เพราะเราเข้าใจมัน ทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ ขั้นตอนวิธีการทำงาน รวมถึงอาชีพไลฟ์โค้ชของพี่บีมที่อาจต้องค้นคว้าเพิ่มเติมว่าจะให้เขาพูดเรื่องอะไรดี หรือประเด็นอะไรที่หยิบมาแล้วมันช่วยในการปลุกพลังกับคนได้”

สำหรับการคัดเลือกนักแสดง แดนเผยว่า “หนังของเราจะเน้นคนที่คุ้นเคยมากๆ เริ่มจากตัวผม (หัวเราะ) รับบท ดิน เป็นผู้ชายที่ชิลกับความรักมากๆ ไม่ค่อยดูแลห่วงใยแฟน จนวันหนึ่งมีบางอย่างจะมาทวงคืนความรักของเราไป แล้วแฟนเรากำลังจะไป ตอนนั้นเพิ่งมารู้สึกว่าจริงๆ เราขาดเขาไม่ได้ เลยพยายามชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่บางทีมันอาจจะไม่ทัน ส่วน แพทตี้ รับบท พลอย เป็นผู้หญิงเก่ง มั่นใจตัวเอง แต่งตัวจัดจ้าน ค่อนข้างมีความเป็นผู้นำสูง คาแร็กเตอร์นี้ต่างจากชีวิตจริงของน้องแพทมาก ชีวิตจริงเขาจะชิล เรียบง่าย แต่จะใกล้เคียงชีวิตจริงที่เป็นคู่รักยูทูบเบอร์ ตรงนี้จะสบายง่ายๆ หน่อย พี่บีม รับบท บริบูรณ์ ไลฟ์โค้ช พี่บีมเป็นอีกคนที่เคยร่วมงานกับเรามาในบทบาทนี้แล้ว พอได้นักแสดงอย่างพี่บีมตอนที่ผมเล่นผมไม่ต้องพะวง”

“พี่เต๋า สมชาย เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว พอมาบวกกับคาแร็กเตอร์ลุงพล มันเหมาะกับเขาสุดๆ ซึ่งเราอยากได้คนที่มองแล้วรู้สึกกลัวได้ทันทีโดยไม่ต้อง พูดอะไร ส่วนเต๋า เศรษฐพงศ์ รับบท ขุนอำมหิตตราชัย เขาเคยเล่นกับน้องแพทตี้จนได้เป็นคู่จิ้นกันอยู่พักนึง เราอยากได้คนที่คนดูรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดผูกพัน แล้วเราอยากได้ท่านขุนในเวอร์ชั่นขาวจั๊วะ มันมีเหตุผลบางอย่างที่อยากได้ท่านขุนที่เป็นลูกคุณหนู เต๋าเขามีความหวานแบบนั้นในตัวเอง ทุกคนเหมาะสมที่สุดกับหนังเรื่องนี้ครับ โดยตัวละครทุกตัวล้วนมีการโดนทวงคืน และก็เป็นแกนหลักในเรื่องความรักของทั้งเรื่องที่ต้องมาลุ้นกันว่าตัวละครเหล่านี้จะสามารถรักษาสิ่งสำคัญในชีวิตของแต่ละคนไว้ได้อย่างไร”

สำหรับอุปสรรค แดนกล่าวว่า “มากกว่า 80% ของหนังเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องในช่วงกลางคืน ทั้งเรื่องจึงต้องถ่ายทำตอนกลางคืนแบบเรียงซีนต่อซีนเพื่อให้น่ากลัว ตอนถ่ายทำก็รันไปตามแผน ทีนี้มันเลยเจอกับสารพัดอุปสรรค เพราะการถ่ายทำในไร่ข้าวโพด เรื่องความคัน เรื่องควันก็ต้องมีอยู่ตลอดเวลาเพราะนี่คือหนังผี ก็ต้องสร้างบรรยากาศให้ขลังที่สุด ซึ่งจริงๆ ทุกโลเกชั่นมีปัญหาหมด ช่วงถ่ายแรกๆ ก็โดนฝนเปียกแฉะเละ แต่เราก็ต่อสู้กันไปครับ”

และด้วยอยากให้ตัวละครมารวมตัวกันอยู่ในคฤหาสน์ท่านขุนอำมหิตตราชัยที่ เจือไปด้วยกลิ่นอายพิศวง ‘แดน วรเวช’ จึงเลือก “บ้านเขียว” หรือ “บ้านขุนพิทักษ์บริหาร” บ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ต้องการพิสูจน์เรื่องลี้ลับและ ผู้แสวงโชคจากเลขเด็ด มาเป็นโลเกชั่นหลัก

“เราอยากได้อะไรที่ดูสมจริงที่สุด ไม่อยากได้อะไรที่ดูเซ็ตติ้งขึ้นมา และแน่นอนต้องดูไม่เหมือนบ้านปกติ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นยุคสมัยที่ตรงกับเรื่องที่อยากจะเล่าพอดี และบ้านหลังนี้ก็มีท่านขุนอยู่จริงๆ งานของเราเบาลงไปครึ่งหนึ่ง เพราะตัวบ้านมีโทนเฉพาะตัวอยู่” แดนกล่าว

สุดท้ายเจ้าตัวเผยถึงสิ่งที่คาดหวังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “อย่างแรกคือรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนดูที่จะได้รับจากหนังเรื่องนี้ และสิ่งหนึ่งที่อยากให้กับคนดูมากที่สุด นั่นคือประเด็นคำว่า ‘ทวงคืน’ อยากให้ทุกคนที่ดูจบแล้วรู้สึกรักและหวงแหนช่วงเวลาบางอย่างที่เรามีของ มีค่าอยู่กับตัวแล้วอยากให้โฟกัสในสิ่งที่ เขาจะไม่มีวันเสียดายในวันที่เราโดน ทวงคืนไป”

13 กรกฎาคมนี้ “ทวงคืน” พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ