จบลงไปเรียบร้อยแล้วสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ พร้อมกับ การคว้าแชมป์โลก สมัยที่ 3 ของ อาร์เจนตินา ที่ใครหลายๆคนอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะล้วนแต่อยากเห็นนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี สมหวังกับถ้วยแชมป์ใบสุดท้ายที่ยังขาดอยู่เสียที
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นบทสัมภาษณ์ของนักเตะอาร์เจนตินาหลายๆคนไม่ว่าจะเป็น โรดริโก เด ปอล, เอมิเลียโน มาร์ติเนซ, อังเคล ดิมาเรีย, ฮูเลียน อัลวาเรซ และฯลฯ ล้วนแต่พูดไปทำนองเดียวกันว่าต้องการคว้าแชมป์โลกใบนี้เพื่อ เมสซี ด้วยกันทั้งนั้น
อย่าง โรดริโก เด ปอล ห้องเครื่องจอมขยันเคยออกมาเผยว่าที่เขาวิ่งมากกว่าใคร ก็เพราะวิ่งในส่วนของเมสซี หรือในส่วนของ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ ที่เคยบอกว่า เมสซี คือ 95 เปอร์เซ็นต์ของชาติ ส่วนอีก 5 เปอร์เซนต์ คือคนที่เหลือ
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆในการแข่งขัน ทุกคนคงจะรู้สึกได้ว่าน้อยครั้งมาก ที่จะเห็น เมสซี ลงมาวิ่งไล่บอลช่วยเกมรับ จนแฟนบอลบางคนตั้งข้อสงสัย และไม่ชอบใจในส่วนนี้อยู่เหมือนกัน แต่หากมองอีกมุม นี่คือแผนเก็บแรงไว้เพื่อใช้ในเกมรุกเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องหมดไปกับเกมรับที่ เมสซี ไม่ถนัดและคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ซึ่งสุดท้ายแล้วการที่นักเตะคนอื่นๆต้องวิ่งเป็น 2 เท่านั้นมันก็คุ้มค่า เพราะ เมสซี ได้ตอบแทนทุกคนด้วยชัยชนะ นั่นจึงทำให้ทุกคนยอมวิ่งถวายหัวแบบไม่มีข้อกังขาใดๆ
ให้ยกตัวอย่างใกล้ๆก็คงเป็นเกมกับ เม็กซิโก ที่อาร์เจนตินา ต้องการชัยชนะเป็นอย่างยิ่งหลังจากพ่าย ซาอุดิอาระเบีย มาเกมนัดแรก แต่บุกเท่าไหร่ก็เจาะไม่เข้าสักที ก่อนจะได้ เมสซี นี่แหละที่ซัดไกลเสียบมุมเข้าไปดื้อๆ หรือจะในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เจอเกมรับของ ออสเตรเลีย ก็ได้ เมสซี เป็นผู้เบิกสกอร์แรกให้ทีม ซึ่งนอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายเกม หลายจังหวะที่ เมสซี แบกทีมเอาไว้ จนสุดท้ายยิงไปถึง 7 ประตู กับ อีก 3 แอสซิสต์
ทัศนคติ แบบนี้อาจจะดูโอเวอร์ไปสักหน่อย แต่มันก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร และไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้เล่นเพื่อชาติ
แน่นอนว่านักเตะทุกคนล้วนเล่นเพื่อแฟนบอล เล่นเพื่อประเทศของตัวเอง เพียงแต่กรณีของ อาร์เจนตินา มี เมสซี เป็นอีกหนึ่งศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญ
พูดให้เห็นภาพง่ายๆหากเราทำงานอยู่ในองค์กรแห่งหนึ่ง ที่มีผู้มีพระคุณ หรือไอดอลของเราอยู่ในที่แห่งนั้น การจะพูดว่าจงทำงานเพื่อผู้มีพระคุณ น่าจะมีพลัง และปลุกเร้าความรู้สึกได้ดีกว่าพูดว่าจงทำงานเพื่อองค์กร เพราะมันใกล้ตัวมากกว่า แต่สุดท้ายแล้วความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็จะตกไปอยู่กับองค์กรอยู่ดี
ในกรณีของ อาร์เจนตินา ก็คล้ายกันการที่บรรดานักเตะอาร์เจนตินา หลายๆคนออกมาบอกว่าต้องการเห็นบุคคลที่เขาเทิดทูน และไอดอลของเขาอย่าง เมสซี่ คว้าแชมป์โลก หากสิ่งนี้สำเร็จในท้ายที่สุด ก็จะถือเป็นความสำเร็จของแฟนบอล และเป็นความสำเร็จของประเทศอาร์เจนตินา ไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่า วิธีการ หรือ ทัศคติ ดังกล่าวคือสิ่งที่ดีที่สุด แต่ละประเทศย่อมมีแนวทางของตัวเอง เช่นกันกับ ทัศคติแบบนี้ก็อาจไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับ อาร์เจนตินา เพียงชาติเดียวเท่านั้น ทีมชาติอื่นๆก็อาจนำไปใช้ได้เหมือนกัน หากแต่คุณก็ต้องมีนักเตะอย่าง “คิงเลโอ” อยู่ในนั้นด้วย
จะเป็น ฝรั่งเศส คู่ชิงที่มีนักเตะอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป หรือ บราซิล ที่มี เนย์มาร์ ก็อาจจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ เมสซี ทำได้ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถรวมใจทั้งทีมและแฟนบอลได้มากเท่ากับที่ “เมสซี” ทำ หากจะให้เทียบจริงๆ ก็คงจะมีเพียง คริสเตียโน โรนัลโด อีกหนึ่งแข้งซูเปอร์สตาร์ของโลก ที่ก็ให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน แต่ตอนนี้ โรนัลโด ก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเหมือนที่ เมสซี เป็น
หากตั้งข้อสงสัยว่าทำไมทั้งนักเตะ และแฟนบอลเกือบทั้งโลกยกย่อง เมสซี ขนาดนั้น ก็ต้องนิยามคำว่าเขาคือ “ปรากฏการณ์” อย่างที่หลายๆคนใช้กัน ทั้งฝีเท้า และความสำเร็จ เขาบรรดาลให้กับทุกๆที่ที่ลงเล่น
ในส่วนทีมชาติอาร์เจนตินา เมสซี พาทีมคว้าแชมป์เยาวชนโลก ตั้งแต่อายุ 17 ทั้งยังมีแชมป์ โอลิมปิกเกมส์ ปี 2008 แชมป์ โคปาอเมริกา ปี 2021 และเป็นนักเตะคนเดียวในชุดนี้ ที่ผ่านมาฟุตบอลโลกมา 5 สมัย ทั้งยังมีรางวัลบัลลงดอร์อีก 7 สมัย มากที่สุดในประวัติศาสตร์
ถึงกระนั้นแล้วก็ยังมีจุดบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือการที่เขายังไม่เคยคว้าแชมป์โลก แต่บัดนี้เขาก็ได้มันมาครอบครองแล้ว เมสซี ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองในด้านใดอีกแล้ว
สุดท้ายนี้ก็ขอแสดงความยินดีกับ ลิโอเนล เมสซี และทีมชาติอาร์เจนตินา รวมถึงแฟนบอลทุกคนที่ได้เห็น “คิงเลโอ” สมหวังเสียที