นครราชสีมา – แจ้งจับเท้าแชร์สาว เปิดนับ100วง ทำสูญเงินกว่า 14 ล้านบาท เมื่อเวลา13.30 น. วันที่ 14 พ.ย. 2565 พ.ต.ท.ปัญญา ประตังเวสา สว.(สอบสวน) สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านประมาณ 20 คน รวมตัวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ช่วยติดตามตัวเท้าแชร์สาวรายหนึ่ง มาดำเนินคดีหลังโกงเงินลูกแชร์หลายราย มีผู้เสียหายกว่า 170 คน รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 14 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้ จึงพากันทยอยเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดยน.ส.วิภา ชาวบ้านตะคร้อ ต.ท่าหลวง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนและลูกแชร์กว่า 100 คน ร่วมลงทุนออมเงินในลักษณะเล่นแชร์กับเท้าแชร์รายนี้ในชื่อ “แชร์บ้านหน่อย” ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการจ่ายเงินตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้ ถือว่าเป็นการออมเงินที่ได้ดอกเบี้ยหรือค่าตอบแทนค่อนข้างดี ทำให้มีลูกแชร์เข้าร่วมเล่นแชร์เป็นจำนวนมาก และแต่ละคนจะร่วมลงเงินตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท
พอมีลูกแชร์สนใจร่วมเล่นเป็นจำนวนมาก ทางเท้าแชร์จึงเปิดวงแชร์มากกว่า 100 วง นอกจากนี้ยังปล่อยเงินกู้ให้กับลูกแชร์ที่ไม่มีเงินส่งแชร์ในแต่ละรอบอีกด้วย โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อสัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนลงทุนไปทั้งหมด 80,000 บาท ได้ดอกเบี้ยกลับมา 12,000 บาท และล่าสุดลงทุนไปทั้งหมด 330,000 บาท ก็หวังจะได้เป็นเงินออมก้อนใหญ่ให้กับครอบครัว แต่เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เท้าแชร์ โพสต์ลงในกลุ่มว่า ขอยุติการส่งแชร์ทั้งหมดหรือปิดแชร์บ้านหน่อย ทำให้ทุกคนที่ลงทุนไปต่างพากันโทรศัพท์ไปหาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ แถมยังปิดไลน์ ปิดเฟซบุ๊ก ไปหาที่บ้านก็ปิดเงียบไม่มีคนอยู่
คาดว่า น่าจะหลบหนีออกนอกพื้นที่แล้ว จึงรวมตัวกันมาแจ้งความร้องทุกข์ที่โรงพักและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวมาดำเนินคดีและชดใช้ค่าเสียหายให้กับลูกแชร์ที่ต้องสูญเงินไปในครั้งนี้ เพราะบางคนถึงกับหมดเนื้อหมดตัว แถมยังต้องหาเงินใช้หนี้อีก
ทั้งนี้มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ มีผู้เสียหายบางส่วนเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว และยังมีผู้เสียหายอีกหลายคนที่ยังไม่ได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพราะอยู่ต่างจังหวัด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเคยออกหมายเรียกตัวมาสอบสวนแล้วแต่ไม่มา ซึ่งจะได้จะออกหมายจับต่อไป ส่วนผู้เสียหายทั้งหมด ได้นำเอกสารการจ่ายเงิน เอกสารการพูดคุยกันในไลน์และในเพซบุ๊กมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป