วันที่ 5 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้กล่าวชี้แจงกับคณะรัฐมนตรีถึงแนวทางการทำงานร่วมกันว่า “เป็นรัฐบาลของประชาชน” จะทำงานเพื่อประชาชน ปฏิบัติตัวเคร่งครัดตามรัฐธรรมนูญ และตามกฎหมาย พร้อมทั้งมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ และปัญหาสังคม รวมถึงปัญหาความแตกแยกทางด้านความคิดทั้งหลาย ทั้งนี้ อะไรที่ทำได้ก่อนโดยไม่ติดข้อกฎหมาย ขอให้รีบทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่ง นโยบาย แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท นับเป็นอีก 1 นโยบายที่ประชาชนเฝ้ารอ ล่าสุดมีรายงานว่า นโยบายเศรษฐกิจหลักของรัฐบาล คือการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรี นั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ เป็นไปตามแผน สำหรับภารกิจหลักของกระทรวงการคลังขณะนี้ก็คือ โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท และโครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้งสองโครงการมีต้นทุนที่เป็นภาระทางการคลังค่อนข้างมาก
- ‘อนุทิน’ ฝาก ‘หมอชลน่าน’ พิจารณา สานต่อนโยบาย กัญชาทางการแพทย์
- อีก 2 ปี รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำได้แน่ แม้ไม่บรรจุในนโยบาย
- เปิด คำแถลงนโยบายรัฐบาล ของ ครม.เศรษฐา มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดู
โดย โครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ทุกคน ซึ่งประมาณว่าจะต้องใช้วงเงินประมาณ 5.6 แสนล้านบาท เบื้องต้นวางแนวทางไว้ว่า จะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอยู่กว่า 40 ล้านคน โดยช่วงที่ผ่านมาได้มีการเชิญผู้บริหารธนาคารกรุงไทยเข้าหารือแนวทางแล้ว โดยต้องมีการเพิ่มฟังก์ชั่นของโครงการแจกเงินดิจิทัล เข้าไปในแอปเป๋าตัง คล้ายกับที่ทำโครงการ “คนละครึ่ง”
ทั้งนี้ การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้แก่ประชาชนในงวดเดียว เพื่อให้เกิดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยกำหนดให้ใช้จ่ายภายใน 6 เดือน ซึ่ง จะเป็นในรูป e-Money โดยผู้ประกอบการที่เป็นผู้รับเงินในทอดแรก ๆ จะไม่สามารถเบิกเป็นเงินสดได้ แต่จะต้องนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า-วัตถุดิบ เพื่อมาค้าขายต่อ เป้าหมายเพื่อให้เกิดพายุหมุนในระบบเศรษฐกิจ อาทิเช่น แม่ค้าข้าวหนียวหมูปิ้ง เข้าโครงการรับ “อีมันนี่” เข้าถุงเงิน จะไม่สามารถเอาเงินสดออกมาได้โดยตรง โดยจะต้องเอาเงินที่ได้รับไปใช้ซื้อข้าวเหนียว หมู เครื่องปรุงต่าง ๆ เพื่อให้เงินที่ใส่เข้าไปหมุนในระบบหลาย ๆ รอบ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูล สำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY