แก๊งตุ๋นสร้างสตอรี่ หลอกอดีตครูลงทุนที่ดิน หลงเชื่อยอมขึ้นรถ คนร้ายฉีดน้ำหอมให้เคลิ้ม แล้วพาไปถอน 4 แสน ไม่พอถอดสร้อยทอง 5 บาท ให้ ก่อนหนีลอยนวล
เมื่อวันที่ 17 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากอดีตข้าราชการครูว่า ถูกแก๊งต้มตุ๋น หลอกเงินสดและทองรูปพรรณ มูลค่ากว่า 400,000 บาท อยากจะแจ้งเตือนให้ระวัง เพราะกลุ่มมิจฉาชีพ ที่ปัจจุบันมาหลากหลายรูปแบบ
เมื่อตรวจสอบพบว่าผู้ที่ถูกหลอกคือ นายประยูร อายุ 67 ปีชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ อดีตข้าราชการครู และเจ้าของหอพักพัณช์ชิตา อยู่ในเขตเทศบาลหนองหงส์ จึงเดินทางไปตรวขสอบ
นายประยูร กล่าวว่า เมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมามีชาย 2 คน อายุประมาณ 25 ปี อีกคนประมาณ 50 ปี มาขอเช่าหอพัก 2 ห้อง อ้างว่าเป็นผู้รับเหมาเดินสายอินเตอร์เน็ต จึงกันห้องไว้ต่อมาวันที่ 12 พ.ย. ชายทั้ง 2 กลับมาอีกครั้ง คราวนี้จะให้พาไปทำธุระที่บ้านกระเบื้อง เพราะไม่รู้เส้นทาง ซึ่งห่างจากหอพักประมาณ 5 กม. ตนเห็นเป็นลูกค้าจึงขึ้นรถไปส่งตามคำร้องขอ ไม่ได้คิดอะไร
ระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน ชายคนที่อายุประมาณ 50 ปี สมมุติว่าชื่อนาย เอ ถามตนว่า “รู้จักคนชื่อถวิล” นายหน้าขายที่ดินหรือไม่ ตนบอกไม่รู้จัก เมื่อไปถึงบ้านกระเบื้อง นายเอให้คนขับรถจอดถามคนที่เดินอยู่ข้างทาง
แล้วถามว่ารู้จักนายถวิลหรือไม่ ชายคนนั้นสมมุติชื่อว่านายบี ตอบว่ารู้จัก แต่ตายไปแล้วเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา นายเอถามต่อว่า รู้จักเจ้าของที่ดิน 20 ไร่ ที่จะขาย 4 ล้านบาทหรือไม่ นายบี ตอบว่าเป็นที่ดินผมเอง แต่ตอนนี้เอาไปจำนองกับร้านทอง 3 ล้านบาท ที่ร้านทองใน อ.ลำปลายมาศ จะถูกยึดในวันพรุ่งนี้ถ้าไม่ไปไถ่ถอน
นายเอ จึงพานายบีขึ้นรถมาด้วย เพื่อมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน โดยนายเอมากระซิบกับตนว่า ให้ลุงเป็นนายหน้าแทนนายถวิลไปเลย เพราะตายไปแล้วจากนั้นไปจอดรถข้างทางนายบี เรียกตนไปคุยส่วนตัวบอกว่า ถ้าขายได้จะให้ลุง 200,000 บาท
นายประยูร กล่าวต่อว่า ต่อมามีชายอีกคนสมมุติว่าชื่อนายซี ขับรถมาจอด เอาถุงกระดาษมาส่งให้นายเอ บอกว่า เจ้านายให้เอาเงินมาให้ก่อน 500,000 บาท เพื่อเอาไปมัดจำที่ดิน เพราะตกลงซื้อไว้แล้ว 4,000,000 บาท จากนั้นนายเอบอกว่า ไม่มีปัญหา มีเงินอยู่แล้ว 2 ล้าน เจ้านายให้มาอีก 5 แสนรวมเป็น 2.5 ล้าน ขาดอีกแค่ 5 แสนบาท หายืมใครก็ได้ ก่อนนายเอจะโทรศัพท์หาใครไม่ทราบ
ก่อนที่นายเอจะหันมาถามตนว่า “ลุงพอมีไหม” ตนตอบไปว่าพอมีอยู่ในธนาคาร 2.9 แสน ถ้าลุงลงทุนด้วยจะแบ่งค่านายหน้าคนละครึ่งคือ 5 แสนบาท รวมแล้วตนจะได้ค่านายหน้าถึง 7 แสนบาท ภายในวันเดียว
ตนจึงตกลงและสัญญาว่า ถ้าไถ่มาได้ตนจะเป็นคนถือโฉนดเอาไว้ เพื่อความสบายใจ จากนั้นตนไปถอนเงินจำนวน 2.9 แสนบาท มาแล้วยื่นให้กับนายบีเจ้าของที่ดิน แต่ยังไม่พอ จึงถอดสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท มูลค่าประมาณ 140,000 บาทให้ไปอีก เพื่อให้พอที่จะไปไถ่ที่ดินจำนวนเงิน 3 ล้านบาท
จากนั้นนายเอให้คนขับรถขับมาส่งตนที่ร้านถ่ายเอกสาร เพื่อให้ถ่ายเอกสารต่างๆ รอ ส่วนนายเอ นายบี และคนขับรถบอกว่า จะไปเบิกเงินอีก 2 ล้านบาทที่ธนาคาร แล้วจะวนมารับไปไถ่ถอนด้วยกัน
รอประมาณ 15 นาที ไม่เห็นมา จึงโทรตาม บอกว่ากำลังซื้อกับข้าว ผ่านไป 30 นาที โทรไปอีก บอกว่าให้รออีกนิด จึงเริ่มรู้ว่า “น่าจะถูกหลอก” หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีก จึงเข้าไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.อ.สุริยา ใจใหญ่ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี
นายประยูร ยังกล่าวด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจว่า ตั้งแต่รับราชการเป็นครูมาจนถึงเกษียณอายุราชการ ยังไม่เคยมีใครหลอกมาก่อน เพราะไม่ใช่เป็นคนถูกหลอกง่าย ครั้งนี้ถือว่าเจ็บที่สุด จึงอยากจะเรียกร้องให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
เพราะมีหลักฐานเป็นเบอร์โทรศัพท์ และกล้องวงจรปิดเป็นรถฮอนด้า ซีวิค สีขาว และขอแจ้งเตือนประชาชนทั่วไป ว่าอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายเกินไป สิ่งที่ตนสงสัยอีกอย่างคือระหว่างที่อยู่ในรถ กลุ่มคนร้ายจะฉีดอะไรบางอย่างเหมือนน้ำหอมเป็นระยะ ทำให้ตนมึนชา ทำตามที่คนร้ายบอกทั้งหมด