แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหิมหนัก แต่งชุดตร.วิดีโอคอล สาวแม่ค้าหลงเชื่อโอนไป1.7ล้าน จนหมดตัวเงินที่เก็บหอมรอบริบ เกลี้ยงบัญชี เผย วิธีการสุดแนบเนียน
วันที่ 22 ม.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.สงขลา มีหญิงสาวแม่ค้าขายเครื่องสำอางรายหนึ่ง ทราบชื่อคือ น.ส.เชอรี่ อายุ 39 ปี เป็นชาว ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินจนหมดเกลี้ยงบัญชี จำนวน 1,735,081.45 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต
น.ส.เชอรี่ กล่าวว่า วานนี้ เมื่อเวลา 09.00 น.ขณะที่ตนนอนพักอยู่ที่บ้าน จู่ๆมีเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 044004756 โทรเข้ามาเป็นเสียงของผู้หญิงบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัตรเครดิตของธนาคารแห่งหนึ่ง แจ้งว่ามีการปลอมแปลงเอกสารของตนไปทำบัตรเครดิต และมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่เกี่ยวกับยาเสพติดด้วย โดยเปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าวสาขาจ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 ต.ค. และรูดบัตรเครดิตซื้อทองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ จ.ขอนแก่น
ซึ่งตนได้ตอบปฏิเสธไปว่าไม่เคยไปเปิดบัญชีและไม่มีบัตรเครดิตของธนาคาร และไม่เคยไป จ.ขอนแก่น ผู้หญิงในสายที่โทรมาได้อ้างว่า ต้องส่งเรื่องให้ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อตรวจสอบเงินในบัญชีทุกบัญชี พร้อมกับขอไอดีไลน์ จากนั้นมีสายโทรเข้ามาทางวิดีโอคอลทางไลน์ ปรากฏเป็นภาพชายแต่งชุดตำรวจ ขอตรวจสอบประวัติขอตรวจสอบเงินในบัญชีขอหมายเลขบัตรประชาชน เพราะเป็นคดีใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากยาเสพติด โดยมีชื่อตนเป็นคนเปิดบัญชี
ขณะคุยกันมีเสียงวิทยุสื่อสารของตำรวจดังตลอดและมีเสียงการรายงานผลการตรวจสอบประวัติของตนโดยอ้างว่าถูกศาลจังหวัดขอนแก่นออกหมายจับในคดีฟอกเงิน และส่งลิงค์ให้ตนเข้าไปเปิดดูในเว็บปรากฏว่าตนมีหมายจับของศาล จ.ขอนแก่นจริง ซึ่งถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2565 กระทำผิดฐานสมคมกันฟอกเงินและสมคบกับผู้อื่นกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
น.ส.เชอรี่ กล่าวต่อว่า เมื่อตนเห็นหมายจับของศาลจึงเริ่มหลงเชื่อ โดยชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจบอกว่าให้ตนรวบรวมเงินจากบัญชีธนาคารโอนไปยังบัญชีของธนาคารอีกแห่งเพียงบัญชีเดียว และให้โอนเงินเข้าบัญชี นายวิไล นุชชาติ เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งใช้เวลาตรวจสอบ 2 ชั่วโมงหากเป็นเงินที่ได้มาถูกต้องจะโอนกลับมาให้ พร้อมกับขอเลขบัญชีตนเอาไว้ และตอนโอนให้ระบุว่าโอนเพื่อตรวจสอบบัญชีของกลาง
ด้วยความที่เชื่อว่าตัวเองบริสุทธิ์และเงินที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินที่ถูกต้องจากการค้าขายเครื่องสำอางค์ และขณะวิดีโอคอลเห็นชายสวมเครื่องแบบตำรวจและมีการแสดงหมายจับของศาลชัดเจนด้วย จากนั้นตนได้โอนเงินไปให้3ครั้ง ครั้งแรกกับครั้งที่สองโอนไป 699,999 บาทเท่ากัน ครั้งที่สามโอนไป 33,583บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,735,081 บาท และเงินในบัญชีหมดเกลี้ยงเป็นศูนย์ทุกบัญชีซ้ำร้ายยังถูกขู่ว่าจะต้องโอนเงินให้อีก 500,000 บาท ภายใน 2 ชั่วโมงเพื่อประกันตัวอีก
น.ส.เชอรี่ กล่าวอีกว่า หลังจากที่โอนเงินเสร็จ เริ่มรู้ตัวว่าน่าจะถูกหลอกเพราะบัญชีที่โอนไปเป็นชื่อคนอื่นไม่ใช่ตำรวจหรือหน่วยงานของตำรวจ และพยายามยื้อเวลาพูดคุยกับคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจเพื่อถามเรื่องเงินที่โอนไป แต่ได้รับคำตอบว่าต้องรอตรวจสอบอีก 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นถูกบล็อกและติดต่อไม่ได้อีกเลย จึงรีบเดินทางไปธนาคารที่ตนมีบัญชีอยู่แต่ไม่ทันเพราะต้องรอการตรวจสอบและดำเนินการอีกหลายขั้นตอน จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คอหงส์
ตอนนี้ตนกลายเป็นคนหมดตัวไม่มีเงินเหลือแม้แต่บาทเดียว ทุกบัญชีเป็นศูนย์ และยอมรับว่าไม่เคยรู้ข่าวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริงๆ เพราะแต่ละวันยุ่งกับงานไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารหรือโซเชียล เพราะต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียวซึ่งมีลูก3 คน และพ่อแม่ ซึ่งตอนนี้พ่อก็ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย ตนอยากให้ตำรวจช่วยตามคดี แม้จะยากที่จะได้เงินคืน แต่อย่างน้อยก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นไม่ต้องตกเป็นเหยื่อ และเป็นข้อมูลให้ตำรวจติดตามจับกุม
น.ส.เชอรี่ กล่าวต่ออีกว่า ตนจะระวังแล้ว เพราะมีแอพพลิเคชั้นหมายเลขเบอร์มิจฉาชีพที่การแชร์อยู่ในโทรศัพท์ แต่ระหว่างที่มีเบอร์โทร 0440047561 โทรเข้ามาหาได้ตรวจสอบแล้วแต่ไม่ขึ้นว่าเป็นเบอร์มิจฉาชีพ แต่มาขึ้นทีหลังว่าเป็นเบอร์มิจชีพตอนที่ตนได้โอนเงินและถูกตัดสายทิ้งไปแล้ว
รายงานข่าวระบุว่่ กรณีหมายจับที่กลุ่มมิจฉาชีพนำมาอ้างนั้น พบว่าเป็นหมายจับปลอมที่ทำขึ้นมา แต่ชื่อตำรวจมีอยู่จริงและเคสนี้นับว่าเป็นเคสแรกที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีการหลอกเหยื่อที่แนบเนียนมากทั้งวิดีโอคอลใส่ชุดตำรวจให้น่าเชื่อถือ และแสดงหมายจับให้ดูด้วย