ความเคลื่อนไหว “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รอบแบ่งกลุ่มผลงาน ชนะ 3 แพ้ 1 คว้าแชมป์กลุ่มบี เตรียมลงสนามในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 รอบรองชนะเลิศ พบกับ “การูด้า” อินโดนีเซีย รองแชมป์กลุ่มเอ ที่เธียน ตรวง สเตเดียม ในเมืองนาม ดิงห์ ประเทศเวียดนาม วันที่ 19 พ.ค.65 เวลา 16.00 น.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย แบ่งลูกทีมเป็นสองชุด โดยให้ชุดที่ลงเล่นในเกมกับลาวนั้น ได้ลงสระเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย ส่วนคนที่ไม่ได้ลงเล่นนั้นฝึกซ้อมตามปกติที่ศูนย์ฝึกนาม ดิงห์ ในช่วงเย็น
มาโน่ พูดถึงทีมอินโดนีเซียว่า เป็นทีมที่เล่นได้ดีที่สุดในรอบแรกแม้ว่าเกมแรกจะแพ้แต่ก็เพราะผู้เล่นยังมาไม่ครบทีม หลังจากนั้นพวกเขามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ได้เจอกันตั้งแต่ซูซูกิ คัพ รู้ว่าเป็นทีมที่มีผู้เล่นอายุน้อยเป็นแกนหลักอยู่แล้ว อยู่ด้วยกันมานาน มีการเล่นที่เข้าใจกัน ดังนั้นจะเป็นเกมที่ยากสำหรับทีมไทย
“อินโดนีเซียเป็นทีมพลังหนุ่ม มีร่างกายที่แข็งแรง วิ่งไม่หยุดตลอด 90 นาที ฉะนั้นเป็นทีมที่อันตรายและต้องเตรียมตัวให้พร้อม หาแผนที่ดีที่จะไว้รับมือกับอินโดนีเซีย” มาโน่ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ชินแตยัง เฮดโค้ชของอินโดนีเซียได้เข้ามาชมเกมในสนามด้วยตัวเอง จะเป็นข้อเสียเปรียบของไทยหรือไม่นั้น มาโน่ กล่าวว่า เรามีทีมนักวิเคราะห์ที่ดีที่สุดในเอเชียอยู่และสามารถนำข้อมูลมาให้กับทีมได้เป็นอย่างดี ส่วนอินโดนีเซียที่มาดูในเกมนี้คงไม่ได้อะไรเท่าไหร่ เพราะไทยไม่ได้ส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามไปด้วย
มาโน่ กล่าวปิดท้ายว่า อยากฝากถึงฝ่ายจัดการแข่งขันว่าสภาพสนาม (เธียน ตรวง สเตเดียม)) ตอนนี้มันแย่มากๆ ทั้งหญ้าหลุดแล้วก็มีทรายเต็มไปหมด ซึ่งสภาพไม่เหมาะสมจะทำการแข่งขันเลย อยากให้ช่วยดูแลสนามกลับมาสภาพดีอีกครั้ง เพราะไม่ใช่แค่ตน แต่เชื่อว่าโค้ชอินโดนีเซียก็คงอยากเล่นในสนามที่ดีด้วยเช่นกัน
สำหรับสถิติระหว่างทีมชาติไทย กับ อินโดนีเซีย เจอกันมาทั้งหมด 22 ครั้ง ไทยชนะ 14 เสมอ 6 และแพ้ไป 2 ครั้ง ไทยยิงได้ 49 ประตู อินโดนีเซียยิงได้ 14 ประตู ทว่าครั้งล่าสุดที่เจอกันคือเกมนัดเปิดสนามซีเกมส์ 2019 ซึ่งไทยแพ้ 0-2 ก่อนจะตกรอบแรกไป
ส่วนการเจอกันเฉพาะรอบตัดเชือกนั้น พบกันมา 6 ครั้ง ไทยชนะทั้งหมด และยังผ่านเข้าไปได้เหรียญทองถึง 5 ครั้งด้วยกัน พลาดแค่ครั้งเดียวในปี 1977 เท่านั้น