เอิ้นขวัญ เล็งเปิดร้านส้มตำ สวมวิญญาณแม่ค้า ไม่น้อยใจคนจำภาพนักร้องดังไม่ได้ 

Home » เอิ้นขวัญ เล็งเปิดร้านส้มตำ สวมวิญญาณแม่ค้า ไม่น้อยใจคนจำภาพนักร้องดังไม่ได้ 


เอิ้นขวัญ เล็งเปิดร้านส้มตำ สวมวิญญาณแม่ค้า ไม่น้อยใจคนจำภาพนักร้องดังไม่ได้ 

เอิ้นขวัญ วรัญญา เล็งเปิดร้านส้มตำ หลังฝึกฝีมือ สวมวิญญาณแม่ค้า จนลูกค้าติดใจ รับเหนื่อยแต่สนุก ไม่น้อยใจคนจำภาพนักร้องดังไม่ได้

สวมวิญญาณแม่ค้าส้มตำ ฝีมือดีจนลูกค้าติดใจ สำหรับนักร้องลูกทุ่งสาว เอิ้นขวัญ วรัญญา ที่มีอีกหนึ่งทักษะความสามารถเลี้ยงชีพตัวเอง แม้จะเหนื่อยแต่สนุก เพราะได้ทำสิ่งที่รักควบคู่ไปกับการร้องเพลง

มีโอกาสเจอ เอิ้นขวัญ ที่มาร่วมกิจกรรมแกรมมี่ โกลด์ รวมน้ำใจ ฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ตลาดรวมทรัพย์ (อโศก) ได้เปิดใจกับ ข่าวสดบันเทิงออนไลน์ ว่ามีแพลนจะเปิดร้านส้มตำ หลังฝึกฝนฝีมือมาได้ระยะหนึ่ง ได้รับคำชมจากลูกค้ารสชาติแซ่บ ซึ่งเจ้าตัวกำลังมองหาทำเล จังหวะโอกาสเหมาะสม พร้อมกันนี้ไม่ได้รู้สึกน้อยใจ ที่แฟนเพลงจำตนเองในฐานะนักร้องดังไม่ได้

เพิ่งผ่านวันเกิดอายุครบ 31 ปี? “ปีนี้เป็นปีที่ชิล ไม่มีการจัดงานหรือว่าไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่ว่าความชิลของหนูก็คือได้กลับบ้าน ได้อยู่กับพ่อแม่ กินข้าวกัน คุยกัน ถือว่าเป็นความเรียบง่ายที่แฮปปี้ดี เพราะว่าหลายๆ ครั้งวันเกิดเราก็ไปเที่ยวที่อื่นบ้าง ไปกับเพื่อนๆ แต่ปีนี้เป็นปีที่ได้อยู่บ้าน ก็เป็นจังหวะที่ดีรู้สึกแฮปปี้ไปอีกแบบนึง”

อยากจะให้อะไรกับตัวเองในปีนี้บ้าง? “ตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ก็มีความคิดอยากออกรถใหม่ ด้วยความที่เจ้าคันเล็กมันอยู่กับเรามา 8 ปีแล้ว ใช้งานเขาค่อนข้างหนัก เราก็วางแผนในสเต็ปต่อไปอาจจะต้องมีการขยับส่วนนี้ แต่ว่าตอนนี้ก็เก็บตังค์ไปก่อน ด้วยความที่เราไม่อยากจ่ายค่างวดมากๆ เอาเป็นแบบว่าให้มันได้เงินส่วนนึงไปดาวน์ให้มันแน่นๆ ไว้ก่อน ก็คิดว่าตัวนี้เป็นสิ่งที่สำคัญเพราะว่าเราต้องขับรถไปงาน ต้องใช้รถในการเดินทางบ่อย ก็คิดว่าเรื่องรถนี่แหละน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน”

ตอนนี้เริ่มรับงานได้แล้ว เข้าที่เข้าทางแล้วใช่ไหม? “ตอนนี้ก็โอเคขึ้น ก็เริ่มมีงานจ้างเข้ามาบ้างแล้ว พี่ๆ เจ้าภาพที่เคยไปงานแล้วคิดถึงกันอยู่ยังหางานอะไรให้น้องได้ไป ส่วนในพาร์ตของการขายส้มตำ ช่วงนี้ก็จะเห็นกันบ่อยๆ ถ้ายังมีโอกาสถ้าว่างจากคอนเสิร์ตเราสะดวก เราก็ยังอยากไปทำตรงนั้นอยู่ เรารู้สึกว่าในช่วงแรกๆ เราทำแล้วเราก็ได้รายได้ส่วนหนึ่งมา แต่ทีนี้เรารู้สึกอยากจริงจังในการฝึกฝีมือเพราะว่าไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะอยากเปิดร้านส้มตำเองด้วยหรือเปล่า รออะไรหลายๆ อย่างลงตัว หาคนได้ หาสถานที่ได้ ก็อาจจะมีจุดนั้น ซึ่งตอนนี้เราก็ฝึกฝีมือไปก่อน ยังดีที่มีแม่มาช่วยกัน เราเก็บประสบการณ์ตรงนี้ไว้ก่อนถ้าวันหนึ่งเราอยากเปิดร้านส้มตำมันก็จะไม่ได้ลำบากแล้ว

ฟีดแบ็กจากลูกค้า ทำให้รู้ว่าเรามีสกิลทางด้านนี้เหมือนกัน? “ใช่ค่ะ ตอนแรกคนก็จะงงๆ อยู่ว่าเราร้องเพลงอยู่ดีๆ แล้วไปเป็นแม่ค้าขายส้มตำได้ยังไง แรกๆ ก็อาจจะงงๆ แต่หลังๆ มาก็จะเริ่มถามหากันแล้วว่าไปขายที่ไหน ไปตำที่ไหน บางคนก็มาจากลูกค้าตอนแรกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นนักร้อง เขาก็มาบอกส้มตำอร่อยอยากจะตามไปกิน แต่พอมารู้ว่าเราเป็นนักร้องด้วย เขาก็อยากจะติดตามมาอุดหนุน แล้วถามว่าไปขายที่ไหนอีกมั้ย เราก็จะส่งข่าวให้เขา เป็นสองเวย์ขายของด้วยได้เจอแฟนๆ ด้วย”

ที่บอกว่าจะเปิดร้านส้มตำ มีแพลนไว้เมื่อไหร่ยังไง? “ตอนนี้มีในหัวก่อน เพราะว่าการที่จะขายส้มตำหรือขายของที่เป็นเปิดร้าน หนึ่งเราต้องมีคนที่วางใจได้ ขายส้มตำมันต้องมีความสม่ำเสมอ มันจะมีเรื่องต้มน้ำปลาร้า เลือกวัตถุดิบเยอะแยะ ก็เลยต้องเป็นคนที่ต้องชอบเหมือนเราก่อน อย่างหนูทำมันก็เหนื่อยเตรียมของ แต่ว่าเราต้องชอบก่อน ถ้าเราชอบถึงเหนื่อยมันก็คุ้ม สนุกด้วย เรื่องคนสำคัญ แล้วในเรื่องของพื้นที่ในการเปิดร้านไม่ว่าจะเช่าหรืออะไรมันก็ต้องหาทำเลที่ดีแล้วราคาไม่สูงมาก ไม่เกินกำลังเรามาก ก็เล็งๆ มองๆ ดูอยู่ค่ะ

น้อยใจไหมลูกค้าบางคนไม่รู้ว่าเราเป็นนักร้องดัง?ณ ตอนนั้นเวลาเราไปขายส้มตำ เราก็ใส่วิญญาณความเป็นแม่ค้าเต็มที่เลย หนูเป็นคนที่ตื่นมาขับรถจัดของยกของ เราใส่เหมือนหน้าที่นั้นเป็นหน้าที่อีกแบบหนึ่งไปเลย จะไม่ได้มาห่วงว่าคนนั้นคนนี้จะคิดยังไง เราเหมือนแบ่งไปอีกพาร์ตหนึ่ง เราก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ตรงนั้น แต่พอเราขายอยู่ดีๆ แล้วมีคนเรียกน้องเอิ้นขวัญ มาขอถ่ายรูปหน่อย เราก็จะไปทำหน้าที่ตรงนั้นได้อีก เอิ้นขวัญจะไม่ได้ห่วงภาพว่าคนจะมองว่าไม่สวยมั้ย ดูแบบทุลักทุเลเป็นแม่ค้า เราแฮปปี้กับจุดนั้นมาก ได้ช่วยทำกับแม่เราเต็มที่มากๆ

ไม่ได้แต่งหน้าด้วย? “บางวันก็ไม่ได้แต่งหน้า รีบเตรียมของให้แม่ พอจัดของเสร็จปุ๊บ เราก็จะรู้แล้วว่ามีแฟนๆ มาขอถ่ายรูปถึงแม้ฟิลเตอร์จะมีเยอะแยะมากมายแต่ว่าหน้าสดของเรามันก็ไม่ได้ ก็จะบอกแม่ขอแว้บไปแต่งหน้าให้มันโอเค แฟนๆ เขาจะได้แฮปปี้”

เป็นนักร้องที่สวมวิญญาณแม่ค้า ไม่อายทำกิน? “ใช่ค่ะ หนูคิดว่ายังโชคดีที่เรามีอะไรที่ชอบอีกอย่างหนึ่ง ถึงมันจะเหนื่อยจะหนักแต่ว่าพอเรามีความชอบกับมัน มันจะมีความเหนื่อยผสมกับความสนุก ได้คุยกับลูกค้า ได้แจกได้แถมนู่นนี่นั่น เรารู้สึกแฮปปี้ในจุดนี้ ด้วยความที่ตั้งแต่เด็กเราขายของกับแม่ ขายผักบุ้ง ขายถ่าน เราทำมาตั้งแต่เด็ก เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้อายจุดนี้ บางคนที่พอยึดอย่างหนึ่งแล้วพอถึงช่วงหนึ่งที่มันไม่สามารถทำได้ เขายังหาสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ได้เลยไม่ได้ทำอะไร ส่วนเรา ณ จังหวะนี้ก็ยังถือว่าโชคดีที่ยังเจอตัวเองในอีกบทบาทหนึ่ง”

เรื่องงานเพลงล่ะ? “ตอนนี้เพลงใหม่ ถิ่มกันเท่ากับห่วง ปล่อยออกไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคมมีคอมเมนต์มาให้กำลังใจกันเยอะ เพลงนี้ทุ่มทุนมาก มีแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์โดนสาดน้ำกรด แล้วก็เล่นเองตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเลย เราก็เต็มที่กับเพลงนี้มากๆ ฝากทุกคนไปฟังกันด้วยเพราะว่าห่างมา 2-3 ปีกับเพลงหลักของเรา คือทุกคนจะถามมาเมื่อไหร่จะปล่อยเพลง เราก็รอจังหวะอะไรหลายๆ อย่าง เหมือนพอเราโตขึ้น แนวเพลงมันก็จะไปตามเราด้วย ก็อยากให้แฟนๆ อินไปกับบทบาทที่เราแสดงออกไป บางทีมีคนมาแซวว่าทำไมไม่ทำเพลงแนว บ่กล้าบอกครู ตอนนั้นเราอยู่ม.5 เนื้อหาเพลงมันน่ารัก ตอนนี้โตขึ้นก็จะเป็นแนวเรื่องความรักอกหักผิดหวัง แต่ก็ยังคงเดิมเป็นเพลงช้า เพลงเศร้าอยู่”

แฟนเพลงกลัวไหมว่าเราติดใจการเป็นแม่ค้าส้มตำ จะไม่ร้องเพลงแล้ว? “ไม่ค่ะ ตอนนี้พอเราไปขายส้มตำเรามีอะไรทำ สมมติไม่มีงานเราอยู่บ้านทำนั่นทำนี่ไป เราเป็นคนนอนยาก หลับยากชอบนอนดึกตื่นสาย พอไปขายส้มตำจะทำแบบนั้นไม่ได้ทุกอย่างมันเป็นระบบ กลายเป็นว่าเราได้ใช้ช่วงเวลาที่เรายังไม่ได้ไปคอนเสิร์ต รีบนอนให้อิ่มเพื่อจะไปทำอะไรต่อ เรารู้สึกว่านาฬิกาชีวิตมันดูปกติดี พาร์ตขายส้มตำบางทีก็ 5 วัน 7 วัน 10 วัน หมดจากตรงนั้นเราก็มาทำเพลง ตอนนี้ก็เริ่มทยอยทำคัฟเวอร์เพลงของน้องๆ ในค่ายด้วยและเพลงที่เราเลือกเองด้วย เราก็รู้สึกว่าพอขยับตรงนั้นมาปุ๊บมันจะอยู่นิ่งไม่ได้แล้วต้องหาอะไรทำ และแฟนเพลงเขาทวงถามกันมาเยอะ อยากให้ออกเพลงบ่อยๆ ไม่คัฟเวอร์ก็เป็นเพลงพิเศษ ระหว่างที่ทำหลายๆ อย่าง ก็อย่าเพิ่งลืมในเรื่องของการทำเพลงไป”

เป็นทั้งแม่ค้าส้มตำและนักร้องควบคู่ไปได้? “ใช่ค่ะ บางทีหน้าร้านเขาก็ทักทำไมไม่เอาไมค์เอาลำโพงออกมาร้องเพลง โอ้ย มันจะหลายหน้าที่ไปมั้ย (หัวเราะ)”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ