เอาอีก ‘บิ๊กตู่’ สะดุดพรมก่อนขึ้นเวที เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รทสช. หมอเหรียญทอง โผล่เข้าสังกัด ออกตัวไม่อยากหาเสียงเหมือนใคร ขอโทษมีภาพอารมณ์เสีย-หงุดหงิด
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 23 มี.ค.2566 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดแถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติครั้งแรก โดยมีแกนนำของพรรคร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค พร้อมผู้บริหารพรรค
โดย นายพีระพันธ์ แนะนำทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย ม.ล.ชโยทิต กฤดากร เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ, นายชวิน อรรถกระวีสุนทร, นายวิท วรรณไกรโรจน์ และ นายวินท์ สุธีรชัย ทีมเศรษฐกิจชุดดังกล่าวล้วนเป็นบุคคลมากด้วยประสบการณ์ในแวดวงเศรษฐกิจในโลกการค้า การลงทุนต่างประเทศ และได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวจริงเศรษฐกิจในทุกระดับ
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ภารกิจทางด้านเศรษฐกิจไม่ใช่แค่เพียงหาเงินมาใช้แต่ต้องทำหน้าที่ในการบริหารระบบเศรษฐกิจของประเทศ พรรครวมไทยสร้างชาติมีความพร้อมในวันนี้จะได้ประกาศทีมเศรษฐกิจจะมีความรับผิดชอบตามที่เป็นนโยบายของพรรคถือเป็นทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ไม่เพียงแค่การทำงานในภาคธุรกิจหรือภาคอื่นๆ แต่ทุกคนมีประสบการณ์ในการบริหารซึ่งจะได้มาทำงานร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
จากนั้น ได้มีการเปิดตัวที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ทำหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำ ด้านนโยบายเศรษฐกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนทุกด้านนำโดย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษานโยบายพรรคฯ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการคลัง ,นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ดูแลการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน
นายจุติ ไกรฤกษ์ การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลกลุ่มคนเปราะบางและผู้สูงวัย ,นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลนโยบายภาคเกษตร และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ดูแลนโยบายด้านแรงงาน อีกทั้งมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ ที่จะมาดูแลด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายพีระพันธุ์ ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) สวมเสื้อให้ทีมเศรษฐกิจและว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทุกคน โดยระหว่างเดินขึ้นเวที พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวเท้าสะดุดพรมเวทีจนเสียหลักเซ
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อพรรคให้ทีมเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน 2.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 3. ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ 4.นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครทสช.
5.นายจักร บุญหลง กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) อดีตเอกอัครราชฑูตหลายประเทศ 6.นายชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น จำกัด 7.นายวิท วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาพาณิชยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ 8. นายวินท์ สุธีรชัย สมาชิกพรรครทสช. และอดีตส.ส.พรรคก้าวไกล ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจ ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันเดียวกันนี้เรียบร้อยแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาในวันนี้มาร่วมงานการแถลงข่าวทีมเศรษฐกิจ ซึ่งจริงๆแล้วมีอีกเยอะที่จะมาร่วมงาน วันนี้เรื่องแรกขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ให้เกียรติพรรครทสช.ในการเดินหน้าประเทศของเราในระยะต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีทั้งคนรุ่นเก่า คนรุ่นแก่รุ่นกลางและรุ่นเด็ก ซึ่งมีหลายช่วงวัยในการพัฒนาประเทศ เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของคนไทยคนหนึ่งประเทศไทยไม่ใช่สถานประกอบการธุรกิจประเทศไทยประชาชนมีส่วนร่วม ถือเป็นหุ้นส่วน
สิ่งที่เราต้องทำต่อไป คือทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุข พึงพอใจพร้อมกันกับการพัฒนาประเทศและจัดหารายได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีคุณภาพหลายส่วน ทั้งนี้ วันนี้ก็เห็นแล้วว่าหลายคนมีประสบการณ์ยอดเยี่ยมในการทำงานที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ตนไว้วางใจกับทุกท่านในวันนี้ คือทุกท่านได้ทำงานกับตนมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐบาลที่ผ่านมา ยิ่งช่วงรักษาการก็ได้ทำงานกับตน
ยืนยันว่าพรรคของเราจะเป็นพรรคที่ต้องการทำให้ประเทศชาติดีที่สุด หลายคนต้องคำนึงว่าที่ผ่านมาในช่วงก่อนหน้าที่ตนจะเข้ามาดูแลในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินในรอบ 8 ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นเกิดอะไร กรุณาทบทวน ดูอย่าลืมเกิดอะไรขึ้น แล้วอย่าให้เกิดขึ้นอีกในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาเราพยายามทำต่อเนื่อง โดยแก้ปัญหาดูแลประชาชนทุกคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้าในเชิงธุรกิจประชาชนคือหุ้นส่วนของประเทศ เสียงของประชาชนคือหุ้นของประเทศ ทำอย่างไรจะให้เดินไปข้างหน้า และไม่ทอดทิ้งทั้งระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งหมดที่พูดมาเราทำมาหมดแล้ว เราจะสานต่อในวันข้างหน้า เราจะต้องสืบสานต่อให้ได้สิ่งสำคัญ คือความร่วมมือร่วมใจของคนไทยทุกคน รักชาติ บ้านเมืองต้องมาช่วยกัน ตนไม่สามารถทำคนเดียวได้ หรือแต่ละท่านก็ทำคนเดียวไม่ได้ ฉะนั้นสำหรับประเทศชาติไม่มีพระเอก มีแต่คณะพระเอกเข้าใจหรือไม่เข้าใจคำว่าคณะพระเอกหรือไม่ คือทุกคนเป็นพระเอกหมด
ซึ่งตนมีหน้าที่บริหารพระเอกเหล่านี้ เพราะมีประสบการณ์มากพอสมควร ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่ไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะร่วมกันทำได้สิ่งแรกสำคัญที่สุดขอความไว้วางใจ ขอแค่นี้ถ้าเราไว้วางใจซึ่งกันและกันว่าจะเดินหน้าร่วมกันอย่างไรนั่นคืออนาคต และนี่คือสิ่งที่ทุกท่านจะได้แสดงศักยภาพของท่านในการขับเคลื่อนประเทศ
ตนไม่อยากหาเสียงแบบที่เขาหากันมากนัก เพราะตนเป็นคนแบบนี้อยู่ในการบริหารราชการทั้งในส่วนของกองทัพและส่วนตรงนี้อย่าระแวงตน ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องคำนึงถึงความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ทุกอย่างอยู่ในก้อนเดียวกันในการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูว่าประเทศไทยมีคนจำนวนเท่าใด รายได้และการประกอบอาชีพจะแก้ปัญหาอย่างไรประเทศเรามี 77 จังหวัด 30 จังหวัดที่อยู่ท้ายๆ จีดีพีต่ำ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้คนในพื้นที่เหล่านั้นมีรายได้สูงขึ้นอย่างน้อยที่ตั้งไว้ 30,000 บาท และอยากให้ขึ้นอย่างน้อย 1 แสนบาทให้ได้โดยเร็วที่สุด และก้าวต่อไป 2-3 แสนบาท ในวันข้างหน้าจังหวัดที่ดีอยู่แล้ว ก็ขึ้นไป
ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คืออนาคตของพวกเรา ไม่อยากให้มองในแง่ของฮีโร่อย่างเดียว แต่ทั้งหมดต้องขับเครื่องด้วยทีมเศรษฐกิจแบบนี้ที่มีประสบการณ์มีความรอบรู้ และมีความระมัดระวังอย่างที่สุด แต่ต้องปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยที่มีผลกระทบต่อประชาชน
“ผมไม่สามารถจะหาเสียงแบบที่เขาพูด เพราะวันนี้สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นคือประเทศไทยอยู่ตรงนี้ ได้ตามที่เราทำมาสถานะทางการเงิน การคลังเราทำได้ดีการต่างประเทศเราทำได้ดี ทุกประเทศยอมรับฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คืออนาคตของพวกเราทุกคน ไม่อยากให้มองในแง่รายบุคคล และจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยก้าวข้ามไปให้ได้ พร้อมกับรับประโยชน์กับสิ่งใหม่ วันนี้ดีใจที่สื่อมากันเยอะและได้ยิ้มออกหน่อย เพราะเราไม่ใช่ศัตรูกัน
เมื่อใส่เสื้อตัวนี้ต้องพูดว่าผมรู้สึกลำบากใจเหมือนกันเพราะพูดอย่างนี้มาหลายปี ถ้าติดคำว่านายกฯไปก็ขอโทษไม่ได้เจตนาอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วก็รู้ว่าท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ผมก็ทำหน้าที่ของผมบางเวลาผมก็เครียดหงุดหงิดหน่อย ก็ต้องให้อภัยกัน ผมไม่เคยติดค้างกับใคร ไม่เคยโกรธหรือเกลียดใคร แต่ความเป็นมนุษย์สัญชาตญาณของผมมีสูง ถ้าเรารักกัน ท่านไม่รังเกียจผมอยู่แล้วจะเอาภาพโมโหผมออกไป เวลาผมโมโห ผมก็หายผมไม่เคยโกรธ เกลียดใคร เพราะท่านคือสื่อ คือเสียงของประชาชน ฉะนั้นเราต้องรับฟังและถ่ายทอดในสิ่งดีงามต่อไป
วันนี้ก้าวมาค่อนทางแล้ว เราจะเดินเส้นทางนี้ไปถึงจุด ที่ประเทศไทยต้องการ ประชาชนต้องการ ฉะนั้นเราต้องเดินอย่างมียุทธศาสตร์ ซึ่งยุทธศาสตร์สำคัญถ้าไม่มียุทธศาสตร์จะเกิดได้หรือไม่ ถ้าไม่เดินตามยุทธศาสตร์ ทำไม่ได้ มันก็จะกลายเป็นวงรอบเปิดงาน ปิดงาน เปิดงาน ใช้งบประมาณไปเรื่อยๆกว่าจะได้ขึ้นมารออยู่นานกว่าจะเรียก ผมขึ้นมาต้องขอบคุณทุกคน ขอบคุณหัวหน้าพรรค ขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความหน้ายินดีของพรรค และคิดว่าประชาชนคงฝากความหวังไว้กับตนได้ ตนยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการบริหารบ้านเมือง และจะนำพาบุคคลเหล่านี้และอื่นๆที่อยู่ช่วยเราร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองไปสู่วันข้างหน้าที่ สดใสที่มีอนาคตกว้างไกลไปกว่านี้อีกวันนี้ถือว่าพอสมควรแล้วในสถานการณ์เช่นนี้อย่าลืมก่อน 8 ปีอย่าลืม 8 ปีเกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญตนขออย่างเดียวความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ อย่าลืมว่าที่ผ่านมาเราประคองมาถึงขนาดนี้แล้ว โดยกฎหมายกระบวนการยุติธรรมก็จำเป็นต้องมีอยู่
ดังนั้นเราจะต้องเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าอิสระทั้งหมด โดยไม่ใช้กฎหมาย แต่คำว่าประชาธิปไตย มีขีดจำกัดอยู่ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งต้องเคารพกฎหมายดูอย่างต่างประเทศเขาแรงไหม และตนจะทำอย่างนั้นได้ไหม เพราะนี่คือคนไทยด้วยกัน ฉะนั้นทำอย่างไรให้เขาเข้าใจ ซึ่งไม่ต้องรักตนหรอก ขอให้รักประเทศชาติ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะต้องดำรงอยู่คู่คนไทยตลอดไปชั่วกาลนาน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในช่วงท้ายว่า ถ้าเปรียบเทียบยานยนต์ปัจจุบันกับคนบนเวทีนี้ มันเหมือนกับว่าทีรยืนอยู่ตรงนี้มีทั้งรถสันดาป และรถไฮบริด และรถไฟฟ้า วันนี้อนาคตของประเทศเราอยู่ที่พวกคนเหล่านี้ ทั้งสิ้นและไม่ใช่แค่นี้ ทั้งประเทศคือกลไกสำคัญของพวกเราที่ต้องร่วมมือกัน และสามารถไปได้ทุกที่เพราะประเทศไทยเราพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว
จากนั้นเวลา 15.25 พล.อ.ประยุทธ์ เดินมางกลับออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ