เหยื่อสาวแต่งเรื่องตายทิพย์แฉ ถูกหลอกโอนเงินช่วยเหลือมานานกว่า 3 ปี สูญเงินกว่า 5 แสนบาท เตรียมแจ้งความเอาผิดให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ไปหลอกคนอื่นอีก
กรณีนางโสภา ใช้เฟซบุ๊กของลูกชายที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม โพสต์ข้อความระบุว่า ผมน้องเขื่อนครับ ผมจะมาแจ้งให้ทราบว่าแม่เสียแล้ว แม่หายไปตั้งแต่คืนวันเสาร์ ติดต่อไม่ได้ พึ่งหาเจอวันนี้ตอนสาย ไปเจอแม่ที่ป่ายูคา แม่เอาน้องไปด้วย แม่เอาน้องเปาผูกเชือกที่ขาน้องเปาแม่คงกลัวว่าน้องจะเดินไปทั่วเลยผูกเชือกกับขาแม่ไว้ แล้วแม่ก็กินยา ไปเจอน้องเปา ก็หมดแรงแล้ว แต่ช่วยน้องเปาเอาไว้ได้ทัน กว่าจะไปเจอแม่ก็สายเกินไปแล้ว
ผมฝากอโหสิกรรมให้แม่ด้วยนะครับ ตัวผมไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรไปบ้างแต่แม่ทำร้ายตัวเองมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้แม่ได้ไปแล้วจริงๆ ผมฝากขอโทษแทนแม่ด้วยนะครับ ต่อจากนี้จะทำอย่างไงต่อผมไม่รู้เลยฝากอโหสิกรรมให้แม่ผมด้วย
ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้คนในโซเชียลต่างสงสาร แห่โอนเงินบริจาคช่วยจำนวนมาก แต่หลังจากมีประชาชนสอบถามมายังผู้ใหญ่บ้านเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทางผู้ใหญ่บ้านจึงตอบกลับไปว่า เรื่องจริงแล้วคนในโพสต์ดังกล่าวก็คือ นางโสภาซึ่งยังไม่ได้ตาย แต่อย่างใด เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้น เพื่อเรียกเอาเงินบริจาคเท่านั้น ตามที่เสนอข่าวไป
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.65 น.ส.อภิชญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สาวชาว ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา หนึ่งในเหยื่อที่ถูกนางโสภา หลอกให้โอนเงินช่วยเหลือมานานกว่า 3 ปี ออกมาแฉพฤติกรรมของนางโสภาว่า ตนนั้นประกอบธุรกิจเปิดร้านอาหาร ซึ่งที่ผ่านมาร่วมกับเพื่อนๆ ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว ช่วยเหลือสังคม กลุ่มผู้พิการ คนเร่ร่อน คนไร้ที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนก็จะโพสต์ภาพการช่วยเหลือลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นประจำ
จนกระทั่งเมื่อช่วงกว่า 3 ปีที่แล้ว นางโสภาก็ทักมาในเฟซบุ๊กของตนเอง โดยเล่าเรื่องราวว่าเป็นคนยากไร้ เป็นโรคไตระยะสุดท้าย และมีลูกพิการเป็นดาวซินโดม ต้องหาเลี้ยงทั้งแม่ และพี่ที่ป่วยติดเตียงด้วย ตนเองด้วยความสงสารจึงโอนเงินไปช่วยเหลือช่วงแรกเป็นเงินหลายหมื่นบาท เพื่อซื้อแพมเพิส และอาหารให้ลูก 2 คน คือน้องอั่งเปา กับน้องพอร์ตเตอร์
นอกจากนี้ ยังบอกเพื่อนๆ ที่ใจบุญช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือเพิ่มมาอีก หลังจากนั้นก็พบว่านางโสภาโพส์ภาพความลำบากของครอบครัวลงในเฟซบุ๊กต่อเนื่อง ซึ่งตนเองเห็นว่าถ้าลำบากขนาดนี้ก็จะติดต่อให้หน่วยงานต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือ แต่นางโสภาบอกว่า ไม่อยากให้ติดต่อหน่วยงานต่างๆ เพราะมีความยุ่งยาก บางครั้งตนก็ส่งอาหารไปให้ เพราะที่ร้านเปิดร้านอาหารทะเลอยู่แล้ว แต่นางโสภาก็ยังโพสต์ว่าน้องๆ ไม่ได้กินอาหารดีๆ เลย ตนจึงรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะถือว่าช่วยทำบุญ เพื่อนบางคนโอนเงินมาให้น้องอังเปาทุกเดือนๆ ละ 2,000 บาท
ซึ่งถ้ารวมระยะเวลากว่า 3 ปี ก็เป็นเงินจำนวนเกือบ 1 แสนบาท ยังไม่รวมกับกลุ่มแม่ๆ สายบุญในต่างประเทศ ที่ตนเองเคารพและเล่าเรื่องราวให้ฟัง ซึ่งโอนเงินมาให้นางโสภาจำนวนมาก เพราะนางโสภาเปิดบัญชีธนาคารไว้หลายบัญชี ถ้ารวมๆ แล้วก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนบาท
“เงินมากขนาดนี้แทบจะไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายๆ แต่นางโสภากลับมาสร้างเรื่องราวใหม่ โดยสวมรอยว่าลูกเป็นคนโพสต์แล้วหลอกชาวบ้านเพื่อเรียกความสงสาร ให้เขาบริจาคเงินมาให้อีกจนความลับแตกในวันนี้”
ซึ่งตนเห็นว่านี่เป็นพวกมิจฉาชีพชัดๆ โดยขณะนี้เพื่อนๆ ที่รู้ข่าวนับสิบคน เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และตนก็คงจะไปแจ้งความด้วยเช่นกัน เพราะเห็นพฤติกรรมแล้วถือว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ จึงไม่อยากให้ใครถูกหลอกเหมือนพวกตนอีก