วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นาย สนธิญา ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรืยนต่อศาล เพื่อให้วินิจฉัยสั่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลบเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” ออกจากระบบสื่อสารออนไลน์ ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยเหตุผล “เพจอีซ้อขยี้ข่าว เป็นเพจที่ไม่มีตัวตน ไม่มีผู้รับผิดชอบ อวตาร ทำความเสียหายในวงกว้าง ต่อพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ ใส่ร้ายด้วยความเท็จต่อบุคคลทั่วไปแบบขาดการรับผิดชอบ และเสียหาย”
นายสนธิยา เปิดเผยว่า เรื่องนี้เริ่มจากเพจอีซ้อขยี้ข่าวมีการโพสต์กล่าวหาว่าตนรู้จักกับนาย วรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล และมีการเรียกรับเงิน ซึ่งตนยืนยันว่าตนไม่รู้จักบอสพอล และบอสคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งบริษัทดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดแต่อย่างใด ซึ่งตนได้มีการสาบานต่อหน้าท้าวเวสสุวรรณ และพระไพรีพินาศไปแล้วว่า ถ้าหากโกหกขอให้ตนและครอบครัวมีอันเป็นไป แต่ถ้าตนพูดความจริงมีอันเป็นไป
นายสนธิญา ยังบอกอีกว่า เพจอีซ้อขยี้ข่าว ไม่มีตัวตนอยู่จริง ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเพจ และมองว่าการกระทำของเพจฯ เป็นเหมือนเปรตที่คอยมาขอส่วนบุญ ถ้ามีการโพสต์ขอโทษตน ตนก็จะถอนฟ้องให้ทันที
นอกจากนี้ นายสนธิญา ยังได้บอกอีกว่า เพจฯ มีการโพสต์หลายเรื่อง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะการที่กล่าวหาว่า ไร่เชิญตะวัน ของพระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ (พระอารามหลวง) ว่ามีการไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเรื่องนี้นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมาไปแล้วว่า ไม่เป็นความจริง ตามที่เพจฯ กล่าวอ้าง
ด้วยเหตุนี้ตนจึงมาเขียนคำร้อง เพื่อให้ศาลฯ มีคำสั่งไปยัง DES ให้ลบเพจฯ รวมทั้งเขียนคำร้องขอความคุ้มครองชั่วคราวระหว่างรอศาลฯ พิจารณาคำร้อง เพราะเพจฯ ทำให้ตนเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นายสนธิญา เคยมายื่นคำร้องต่อศาลฯ ให้มีคำสั่งปิดเพจแหม่มโพธิ์ดำในอดีตมาแล้ว