ท็อฟฟีคุมเกมแบบไม่ต้องครองบอล

แม้ว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า หาจังหวะลุ้นประตูได้มากกว่า แต่ต้องบอกเลยว่าวันนี้ เอฟเวอร์ตัน มาเล่นได้ตามแผนแบบครบจบ 100% จนเป็นฝ่ายชนะไปได้ ทั้งการเล่นเกมรับอันเหนียวแน่นแบบไร้ข้อผิดพลาดและการเข้าทำจากลูกเซ็ตเพลย์อันเฉียบขาดจนเป็นที่มาของทั้งสองประตูในเกมนี้ แถมยังคุมโซนป้องกันได้อย่างเหนียวแน่นจนเกมรุกหงส์แดงยากจะเจาะเข้าไปได้ และปล่อยให้เคาะไปมาด้านข้างเท่านั้น จนสุดท้ายก็จบด้วย 3 คะแนนอันล้ำค่าของเจ้าถิ่นไปในที่สุด
“เมอร์ซีย์ไซด์ อีส บลู”

ชัยชนะในเกมนี้นับเป็นครั้งแรกที่ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะ ลิเวอร์พูล ในบ้านของตัวเองได้ในรอบกว่า 13 ปี หลังจากพวกเขาเคยทำได้หนล่าสุดต้องย้อนกลับไปในปี 2010 ด้วยสกอร์เดียวกันที่ 2-0 จากประตูของ ทิม เคฮิลล์ และ มิเกล อาร์เตตา ซึ่งนักเตะที่ยังอยู่รอดมาถึงทีมชุดนี้มีเพียงรายเดียวนั่นคือ เซมุส โคลแมน ที่เกมดังกล่าวก็ทำแอสซิสต์ให้ทีมได้ด้วยเช่นกัน
หงส์แดงหมดมุข

เกมนี้ไม่ว่า ลิเวอร์พูล จะพยายามแค่ไหน แต่ดูเหมือนอะไรๆก็จะไม่เป็นใจพวกเขาไปเสียหมด ทั้งจังหวะลุ้นยิงที่ก็มีหลายครั้ง แต่ก็ยิงนกตกปลาไปติดเซฟ จอร์แดน พิกฟอร์ด เสียเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการแก้เกมวันนี้ตัวสำรองที่ถูกส่งมาก็มีเพียง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ คนเดียวที่เป็นตัวรุกธรรมชาติ ขณะที่คนอื่นๆเป็นตัวรับทั้งหมดทั้ง วาทารุ เอ็นโด, จาเรลล์ ควอนซาห์, คอสทาส ซิมิคาส, โจ โกเมซ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า เยอร์เกน คล็อปป์ คิดอะไรอยู่ ทั้งที่ก็มี บ็อบบี คลาร์ก, เจย์เดน แดนส์ และ ไรอัน กราเวนเบิร์ช อยู่บนม้านั่ง โดยตัวที่เปลี่ยนลงมาก็แทบไม่ช่วยให้เกมดูดีขึ้นเลย ออกจะไปทางแย่ลงเสียด้วยซ้ำ นั่นจึงดูเหมือนว่าในช่วงหลังหลายๆทีมเริ่มจะจับทางได้และหงส์แดงเองก็ไม่มีไอเดียใหม่ๆในการเข้าทำยามที่ทีมต้องการจุดเปลี่ยน จนสุดท้ายกลายเป็นพลาดท่าสะดุดขาตัวเองในช่วงเวลาสำคัญที่สุดเสียอย่างนั้น
ยังลุ้นแชมป์ได้อยู่ไหม?

3 คะแนนในเกมนี้ของ เอฟเวอร์ตัน ทำให้ปัจจุบันหลังผ่านเกมที่ 34 พวกเขามีแต้มห่างจากโซนอันตรายอยู่ถึง 8 คะแนนแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าโอกาสในการรอดตกชั้นของพวกเขาก็เริ่มจะสดใสขึ้นมาทันตาเห็น แต่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล การมี 74 คะแนนเท่าเดิมหมายความว่าพวกเขาจะโดน อาร์เซนอล นำ 3 คะแนนชนิดที่ลูกได้-เสียปืนใหญ่ดีกว่าถึง 15 ลูก ฉะนั้น ต่อให้ทีมของ อาร์เตตา สะดุดสักนัด ก็ยังยากที่หงส์แดงจะแซงขึ้นไปได้ในอีก 4 เกมที่เหลือ นี่ยังไม่นับ แมนฯ ซิตี้ ที่ตามหลังพวกเขาแต้มเดียวแต่แข่งน้อยกว่าถึง 2 เกม

ถ้าหากจะตอบคำถามที่ว่า ลิเวอรพูล ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ไหม?… มีแน่นอน แต่… คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์มากหน่อยเท่านั้นเอง