เอกชัย ศรีวิชัย โต้ทำหนังกี่เรื่องก็ไม่เปรี้ยง ลั่นไม่ใช่นักธุรกิจศิลปะ-ปูเส้นทางชีวิตรอวันไม่มีชื่อเสียง

Home » เอกชัย ศรีวิชัย โต้ทำหนังกี่เรื่องก็ไม่เปรี้ยง ลั่นไม่ใช่นักธุรกิจศิลปะ-ปูเส้นทางชีวิตรอวันไม่มีชื่อเสียง


เอกชัย ศรีวิชัย โต้ทำหนังกี่เรื่องก็ไม่เปรี้ยง ลั่นไม่ใช่นักธุรกิจศิลปะ-ปูเส้นทางชีวิตรอวันไม่มีชื่อเสียง

เอกชัย ศรีวิชัย โต้ทำหนังกี่เรื่องก็ไม่เปรี้ยง ลั่นไม่ใช่นักธุรกิจศิลปะ-ปูเส้นทางชีวิตรอวันไม่มีชื่อเสียง

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ณ เซ็นทรัลเวิลด์ นักร้องดัง “เอกชัย ศรีวิชัย” ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว “เอกราชา” สมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดย เอกชัย ได้เผยถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้ว่าเป็นธุรกิจตัวที่ 2 ที่เจ้าตัวตั้งใจทำเพื่อวางแผนให้ชีวิตในอนาคตที่ไม่มีชื่อเสียงแล้ว ยังคงมั่นคงและมีรายได้ พร้อมทั้งเอาไว้ให้ลูกหลานสืบทอด

พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังได้พูดถึงเรื่องกระแสภาพยนตร์ “สะพานรักสารสิน 2216” ที่ตัวเองกำกับ และหมายมั่นปั้นมือถึงขั้นประกาศว่าเตรียมฉายไปทั่วโลก โดยหวังว่าเป็น 1 ใน Soft Power ไทย ผลักดันวงการ Film สร้างเม็ดเงินให้กับประเทศไทย แต่สุดท้ายก็ไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร โดย เอกชัย เผยภาพรวมถึงการทำหนังมาประมาณ 8 เรื่อง สำหรับตนก็คือบรรลุเป้าหมายทุกเรื่องที่ทำ เพราะไม่ได้มองถึงเรื่องรายได้

ตอนนี้ก็มาเป็นนักธุรกิจแบบเต็มตัวแล้ว? “ไม่เชิงหรอกครับ พี่ว่านักร้องมาในรุ่นนี้มันก็ต้องหาอะไรมาทำมาดึงความชรา มีชื่อเสียงด้วยชื่อเสียงหรืองานต่างๆ มันก็ต้องหาธุรกิจมาทำ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ก็ทำพริกแกง เอกอร่อย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไปแล้ว ก็เป็นงานของครอบครัวให้ลูกหลานทั้งหมดทุกคนลาออกจากงานนู่นนี่ก็มาบริหารเอกอร่อยทั้งหมดของพริกแกง แล้วตอนนี้ก็มาผลิตภัณฑ์ตัวนี้อีกตัวนึงก็คือ เอกราชา เป็นตัวเพื่อสุขภาพ”

อะไรทำให้ตัดสินใจมาลุยอย่างจริงจัง?พี่ว่าวิถีชีวิตมันเป็นแบบนี้ทุกคนนะ ของศิลปินสุดแล้ว แต่ว่าใครจะไปหาอะไรมาทำ พี่เอกก็มีทั้งกำกับภาพยนตร์ร้องเพลงงานอีเวนต์ แต่ในขณะเดียวกัน พี่มองว่าธุรกิจ มันจะต้องยื่นไปจนกว่าเราจะไม่มีชื่อเสียงแล้ว และเราหมดอายุขัย ว่าไปแล้วมันจะตกทอดไปถึงลูกถึงหลานได้ทำมาหากิน

แต่ที่พี่ทำมาแต่ละอย่างพี่ไม่ได้เอาขายสามวันแล้วเลิก พี่จะทำทุกอย่างให้มันถูกจารึกไว้ในแผ่นดินให้มันเป็นแบรนด์ที่คนจำ ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี 20 ปี คนจะต้องจำ เอกราชา คนจะต้องจำว่าหญ้าแซฟฟรอนว่าเราเป็นเจ้าแรกที่คิดสูตรนี้ คือไม่ได้เหมือนกินยา คือกินเหมือนชีวิตประจำวันในการดื่มชาดื่มกาแฟ แต่ดื่มแล้วมันได้กับสุขภาพของตัวเอง”

 

เกี่ยวไหมที่ย้อนกลับไปสองสามปีผ่านมานี้งานในวงการไม่ค่อยดีนัก? “คือถ้าย้อนกลับไปเมื่อตอนโควิดพี่เอกว่ามันไม่ใช่เฉพาะพี่เอก ทุกคนเหมือนกันหมด แต่นั่นคือความยั่งยืนแบบไม่ยั่งยืน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวโรคห่าอะไรมันจะมาอีก เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมตลอดเวลา แต่พี่มีเป้าหมายของพี่ว่าในการทำธุรกิจของพี่จะไม่ใช่ธุรกิจเห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้

และในส่วนของงานโชว์ต่างๆ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? “ก็ยังรับงานปกติ ก็คือทุกอย่างยังดีมากๆ เลย พี่ก็ยังไปงานของพี่เกือบจะทุกวัน ก็จะมีงานในผับที่เพิ่มขึ้นมา แปลกมากอายุ 60 ปีแล้ว เข้าไปเล่นในผับเด็กยังกรี๊ดเลย ในผับยังโอเคมาก

ก็แสดงว่าตารางงานแน่นเหมือนเดิม? “ใช่ครับ คือธุรกิจเนี่ยทำไว้รองรับเตรียมตัวก่อนป่วย ก็ดูอนาคต อย่าประมาท

ถามถึงเรื่องหนังที่พี่เอกกำกับหน่อย ที่ผ่านมาแต่ละเรื่อง สำหรับคนสร้างมองว่ากระแสมันเป็นยังไงบ้าง? “หนังของพี่ พี่ก็มีแฟนของพี่อยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าหนังของพี่มันไม่ได้ 100 ล้าน มันก็เลยดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันก็มีของมัน ได้ของมัน คุ้มทุนคุ้มค่าของมัน แต่สิ่งที่พี่ได้มากกว่านั้นก็คือการที่พี่ได้เผยแพร่วัฒนธรรมในหนังของพี่

การที่พี่ได้หยิบเอาเรื่องราวความเป็นอุทาหรณ์ของครอบครัวของการเลี้ยงลูกนู่นนี่นั่น พี่ว่าคนไปดูแล้วกลับออกมาว่า เฮ้ยกูจะเลี้ยงลูกแบบไหน จะเลี้ยงลูกแบบในหนังไหม คือมันตอบโจทย์ให้กับทุกคนพี่ไม่ได้บอกว่าขวาดีซ้ายดี แต่ถ้าคุณเข้าไปดูแล้วคุณจะสามารถพิจารณาครอบครัวของคุณได้ นั่นต่างหากที่พี่มองว่าพี่ได้กำไร”

แต่เห็นบอกจะกำกับต่อไปอีกเรื่อยๆ? “ทำไปเรื่อยๆ นี่กำลังจะเปิดกล้องอีกเรื่อง เกี่ยวกับการบนบานศาลกล่าว ประโยคทองก็คือการที่คุณไปรับปากกับใครไว้คุณจะต้องทำ สัจจะต้องมี”

การทำหนังของพี่เอกแต่ล่ะเรื่อง มันไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ไหม? “ถึงทุกเรื่อง เพราะพี่ไม่เคยหวังว่ากูจะได้กำไร 100 ล้าน ถ้าคิดอย่างงั้นเจ๊งตั้งแต่เรื่องแรกแล้ว แต่เราต้องคิดไงว่าสิ่งที่เราทำ.. อย่างเรื่องแรกที่ทำ เรื่อง เทริด (ปี2559) เป้าหมายของพี่ พี่ต้องการอะไรพี่ต้องการให้เด็กรู้จักคำว่าเทริดที่มาใส่หัวมโนราห์

คุณต้องวางเสื้อแบบไหนต้องทำยังไงหิ้วข้ามผ่านประจวบขึ้นมาไหม แล้วหลักการของการมันเนี่ย ทำไมในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงรับสั่งว่า เวลาที่สวมเทริดเนี่ย แล้วไม่ต้องยกมือไหว้ข้าพเจ้าหรอก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เด็กไทยควรจะต้องรู้ไม่ใช่เหรอ”

“แล้วเมื่อพี่ทำแล้วมันสำเร็จแล้วมันรู้ นั่นคือพี่สำเร็จไง แต่ถ้าพี่ตั้งเป้าว่าหนังเรื่องนี้พี่จะเอากำไรหลายร้อยล้าน อันนั้นไม่ประสบความสำเร็จครับ อันนั้นเขาเรียกว่านักธุรกิจศิลปะ วงเล็บเห็นแก่ตัว เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่คุณจะคิดว่า 100 ล้าน แล้ว 20 ล้าน มันอยู่ตรงไหน ตอนนี้ก็ทำมาเรื่องที่แปดแล้ว ก็จะทำตลอดจนกว่าจะหมดลมหายใจ”

อย่างที่บอกว่าตอนนี้วัย 60 ปี แล้ว แต่ก็คือยังแข็งแรงมากๆ งานผับก็คือเล่นได้สบาย? “สบายมาก คือพี่ตอบไม่ดีเท่ากับคนฟังหรอก พี่ตอบไม่ดีเท่ากับคนจ้างงาน เดี๋ยวพี่พูดไปจะบอกว่าพี่คุย งานพี่เยอะก็แสดงว่าคนจ้างเขายังจ้างพี่เยอะ แสดงว่างานที่พี่ไปทำมันประสบความสำเร็จ”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ