แม่ลูก 2 ร้องสื่อทำสัญญาจำนองที่ดินกับคนรู้จัก ขอผ่อนชำระ กู้แบงก์ผ่านจะไถ่ถอนทั้งต้น-ดอก สุดท้ายบ้านที่นำไปจำนองถูกยึด บุกสาดเลือดใส่นายทุนเงินกู้
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 น.ส.เปรมิกา (ติ๊ก) อายุ 38 ปี มือสาดเลือดจำนองบ้าน และนางเหล่ พรนิภาอำไพ แม่ อายุ 76 ปี ชาว ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร เปิดเผยว่า เหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่ตนนำที่ดินไปจำนองกับ น.ส.ไก่ (นามสมมติ) คนรู้จัก ที่ดินแปลงดังกล่าวปลูกเป็นอาคารพาณิชย์ อยู่ติดริมแม่น้ำโขง
ห่างจากวัดศรีมงคลเหนือไปทางสะพานประมาณ 120 เมตร ที่ดินแปลงดังกล่าวไปทำสัญญากู้เงินขายฝากกับน.ส.ไก่ อยู่ที่กรมที่ดินในวงเงิน 3 ล้านบาท หักดอกเบี้ย 3 เดือน คิดดอกร้อยละ 2 เท่ากับจ่ายดอกเดือนละ 6 หมื่น หักค่าดำเนินการต่างๆ จะเหลือเงินประมาณ 2.6 ล้าน
น.ส.เปรมิกา กล่าวต่อว่า พอเข้าเดือนที่ 4 จะต้องจ่ายดอกเบี้ย ก็ไปคุยกับน.ส.ไก่ คนปล่อยกู้ว่า ถ้าไปกู้จากธนาคารได้ก็จะขอจ่ายดอกพร้อมต้นให้ทั้งหมดเลยได้หรือไม่ เขาก็ยินดี ที่ตนจะไปกู้เงินจากธนาคารถึงเดือนตุลาคม 2563 น้าซึ่งเป็นน้องของแม่มาฟ้องตนกับน.ส.ไก่ ขอให้แบ่งที่ให้ตามที่เคยคุยกันไว้ หน้ากว้างจำนวน 5 เมตร ทำให้เรื่องกู้ธนาคาร จึงชะงักไปก่อน
“ธนาคารก็บอกว่าต้องไปแบ่งแยกให้ญาติเรียบร้อยก่อน จึงมากู้กับธนาคารได้ ซึ่งเราก็บอกกับน.ส.ไก่ว่า ขอเวลาทำเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งเขาก็ยินดี แต่ทุกขั้นตอนและรายละเอียดเราคุยกันด้วยปากเปล่า ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยไปผ่อนหรือไปต่อดอกกับกรมที่ดินแต่อย่างใด ด้วยความซื่อและเชื่อใจมาตลอดว่า เราคุยกับน.ส.ไก่แล้วด้วยคำพูดของคนที่รู้จัก ว่าจะขอผ่อนผันเงินกู้จำนวนนี้ออกไปเป็นเวลาอีก 1 ปี โดยไม่ได้ทำเป็นเอกสารลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด” น.ส.เปรมิกา กล่าว
น.ส.เปรมิกา กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่เดินเรื่องแบ่งแยกที่ดินให้ญาติเรียบร้อย วันที่ 20 ต.ค.64 ก็ไปขอเอกสารโฉนดที่ดินไปถ่ายเอกสาร เพื่อทำสัญญากู้เงินกับธนาคาร แต่น.ส.ไก่ต้องเซ็นในเอกสารขายคืนให้เรา เพื่อที่จะไปทำหนังสือสัญญากู้กับธนาคาร แต่น.ส.ไก่ ไม่ยินยอมเซ็นคืนให้ ก็คุยกับเขาว่า ‘พี่หนูขอเถอะ เพราะเป็นสมบัติเดียวที่แม่มีอยู่’
น.ส.เปรมิกา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น.ส.ไก่เองกับครอบครัว ก็ให้สัญญากับตนและแม่ว่า จะขายคืนให้กับเรา จากนั้นเขาก็บอกว่าจะขายเป็นเงินสดให้กับเราในราคา 5 ล้าน ซึ่งเราก็ให้ทนายไปคุยกับทนายเขาว่า พร้อมจะซื้อคืนในราคา 5 ล้าน ซึ่งหากจะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นที่ตนไปกู้มาก็ยังไม่น่าถึง 2 ล้าน พอเราจะขอซื้อคืน เขากลับบ่ายเบี่ยงให้โทรไปหาคนที่เขาอ้างว่าเป็นเจ้าของเงินที่อยู่ จ.อุบลราชธานี อีกทั้งน.ส.ไก่ ยังบอกกับนายหน้าขายที่ว่า จะขายคืนในราคาห้องละ 5 ล้านบาท ซึ่งเราจะไปเอาเงินมาจากไหน
หลังจากนั้นน.ส.ไก่ก็บล็อกเบอร์โทรติดต่อกับตน ส่วนสาเหตุที่นำเลือดไปสาด เพราะเหลืออดจริงๆ จะคุยอย่างไรกับแกก็ไม่รับฟัง บ่ายเบี่ยงไปตลอด สุดท้ายจึงเป็นเหตุนำเลือดไปสาดดังที่เห็น ยังไงก็ต้องขอโทษด้วย ที่ทำไปเพราะเข้าใจว่าเรานับถือกันคุยกันมาด้วยดี สุดท้ายมายึดบ้านที่แม่เราอยู่อาศัย
“อยากให้น.ส.ไก่คิดถึงมนุษยธรรมบ้าง หนูพูดคุยกับเขามาโดยตลอด เรื่องการขอผ่อนผัน ซึ่งเขาก็รับทราบและยินดีทุกอย่าง ทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นทั้งการแบ่งที่ดินให้น้า และการขอกู้กับธนาคาร ซึ่งเป็นความเชื่อถือนับถือกันด้วยความซื่อสัตย์ที่มีต่อกันในฐานะมิตร แต่ที่เขาทำกับหนูและแม่ ไม่ใช่แบบที่เราคุยกันเลย” น.ส.เปรมิกา กล่าว