เหมยขาบมาแล้ว ดอยอินทนนท์ 5 องศา รีบตักตวงความเย็นสุดท้ายของปีในสัปดาห์นี้ ก่อนเจอทั้งร้อนทั้งแล้ง
เชียงใหม่เริ่มกลับมาหนาวอีกครั้ง โดยเช้านี้ (19 ธ.ค.) ตัวเมืองเชียงใหม่อุณหภูมิเริ่มลดลงต่ำกว่า 20 องศาแล้ว ขณะที่ยอดดอยอินทนนท์ยังหนาวจัดต่อเนื่องเช้านี้ เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบเป็นรอบที่ 3 ของปี อุณหภูมิยอดหญ้า 0.3 องศาตอกย้ำว่าหนาวของแท้มาถึงแล้ว
เช้านี้หลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่สัมผัสได้ถึงอากาศที่หนาวเย็นของแท้ที่เคยสัมผัสในหน้าหนาวได้กลับมาเยือน โดยในตัวเมืองเชียงใหม่เช้านี้เริ่มมีอากาศที่หนาวลงต่ำกว่า 20 องศาในหลายพื้นที่ เช้านี้ต่ำสุดในตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ที่ 18-19 องศา แต่ที่สัมผัสได้ชัดเจนคือที่ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ หลังจากที่อุณหภูมิอยู่ในเกณฑ์หนาวจัดต่ำกว่า 8 องศาเซลเซลเซียสมาหลายวัน และเช้านี้อุณหภูมิก็ลดลงอีกครั้ง
ส่วนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ รายงาน บรรยากาศท่องเที่ยวเช้านี้ นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปท่องเที่ยวเช้านี้ต่างก็โชคดีที่สุดอีกรอบของปีที่ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดเช้านี้ที่ยอดดอยวัดได้ 5 องศา ส่วนที่กิ่วแม่ปาน 6 องศา
ขณะเดียวกันอุณหภูมิยอดหญ้าบริเวณลานจอดรถยอดดอยอินทนนท์อุณหภูมิเหลือเพียง 0.3 องศาเซลเซียส และทำให้เกิดปรากฏการณ์ของอากาศหนาวจัด น้ำค้างกลายเป็นน้ำแข็งหรือชาวเหนือเรียกว่าเหมยขาบเป็นรอบที่ 3 ของฤดูหนาวปีนี้
ซึ่งเหมยขาบเกิดขึ้นตามยอดหญ้าบริเวณลานจอดรถเป็นผลึกน้ำแข็งสีขาวสวยงามนักท่องเที่ยวต่างก็พากันเก็บภาพความสวยงามที่หาชมได้ยอดที่สุดปีหนึ่ง เนื่องจากปีนี้อากาศหนาวค่อนข้างจะมาช้า และหนาวเย็นในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่รอบนี้คาดว่าจะหนาวนานหลายวัน และตรงกับช่วงวันคริสต์มาสที่จะมาถึงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ จากมหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ โดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์
ระบุว่า #บอกลาหน้าหนาวเดี๋ยวมาแล้วไป แต่จะร้อนมากกว่าตลอดปี
พร้อมอธิบายว่า มีบางช่วงที่อากาศเย็นจะลงมาชั่วคราว จากความกดอากาศสูงจากแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 18-25 ธันวาคม กำลังเย็นสบาย ไม่หนาวเหมือนช่วงวันที่ 17-18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะไม่หนาวเหมือนกับปีที่ผ่านมาในอดีต
หลังจากนั้นตั้งแต่วันคริสมาสต์ปีนี้จนถึงปีใหม่ ตลอดทั้งเดือนมกราคมปี 2567 สภาพอากาศจะร้อนขึ้นมาอีก และจะร้อนที่สุดเดือนเมษายน ทั้งร้อน และแล้ง ทั้งฝุ่น PM2.5 ทั้งไฟป่า ต้องเตรียมรับมือกันให้พร้อม