เหตุผลที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยไม่ควรมองข้าม SHOPLINE

Home » เหตุผลที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยไม่ควรมองข้าม SHOPLINE
เหตุผลที่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยไม่ควรมองข้าม SHOPLINE

ปัญหาใหญ่ของบรรดาผู้ประกอบการ SMEs ในการทำธุรกิจผ่านช่องทาง e – commerce ก็คือ การขาดแคลนทรัพยากรบุคคล เช่นเดียวกับการขาดความรู้ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในการทำธุรกิจผ่านช่องทางดังกล่าว และที่สำคัญมีผู้ประกอบการ SMEs หลายราย ที่มีปัญหาในเรื่องของเวลา เพราะต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน

ทำให้บรรดาผู้ประกอบการ SMEs ต้องมองหาผู้ช่วยที่จะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับพวกเขา จึงกลายเป็นช่องว่างทางการตลาดที่สำคัญที่ทำให้สตาร์ทอัพชื่อดังจากฮ่องกงที่เป็นผู้ให้บริการ ด้านระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร ได้แก่ ระบบการจัดการออเดอร์ การจัดการสต็อกสินค้า ระบบการชำระเงิน

 

และการทำ CRM  รวมถึงตัวช่วยในการสร้างเว็บไซด์ ของร้านค้าที่สามารถทำได้ง่ายดาย พร้อมมีระบบเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ หรือธุรกิจสามารถเริ่มต้นการทำธุรกิจ อีคอมเมิร์ซหรือมีหน้าร้านที่เป็นร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย

SHOPLINE ผู้นำระบบจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร (Global Smart Commerce Enabler) เบอร์หนึ่งในเอเชีย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม D.I.Y. สำหรับร้านค้า และธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท ที่แม้ไม่มีความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ ก็สามารถสร้างเว็บไซต์และจัดการร้านค้าออนไลน์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว จึงเป็นความลงตัวที่สามารถเข้ามาช่วยต่อยอดในการทำธุรกิจบน e – commerce ของผู้ประกอบการ SMEs ที่ไม่เพียงเข้ามาช่วยให้ทำธุรกิจในประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยในการเปิดโอกาสทางธุรกิจออกไปยังตลาดโลกอีกด้วย

และนี่คือ 5 เหตุผลที่ผู้ประกอบการทุกธุรกิจไม่ควรมองข้ามแพลตฟอร์ม SHOPLINE 

1.ครบทุกบริการสำหรับทุกธุรกิจออนไลน์

SHOPLINE ให้บริการแบบครบวงจร เป็น Total Solution รายแรกที่ให้บริการด้านระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร ได้แก่ ระบบการจัดการออเดอร์ การจัดการสต็อกสินค้า ระบบการชำระเงิน และการทำ CRM รวมถึงตัวช่วยในการสร้างเว็บไซด์ ของร้านค้าที่สามารถทำได้ง่ายดาย พร้อมมีระบบเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ หรือธุรกิจสามารถเริ่มต้นการทำธุรกิจ อีคอมเมิร์ซหรือมีหน้าร้านที่เป็นร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย ภายใต้งบประมาณและทรัพยากรที่จำกัด

2. โซลูชันครอบคลุมช่วยจัดการร้านค้าได้

SHOPLINE มีโซลูชันที่ครอบคลุมทั้ง E-commerce Solution หรือ ระบบการจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซ และ Social commerce Solution หรือ ระบบการจัดการร้านค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่สามารถเข้ามาตอบโจทย์การทำธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย E-commerce Solution จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นหรือปรับปรุงการจัดการของร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซให้สะดวกรวดเร็ว

โดยบริการนี้จะครอบคลุมตั้งแต่การเปิดร้านค้าออนไลน์และระบบจัดการหลังบ้าน ได้แก่ โซลูชันการสร้างเว็ปไซด์สำหรับร้านค้าที่รองรับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ได้หลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมด้วยระบบการจัดการร้านค้าออนไลน์ ทั้งระบบการจัดการออเดอร์ การจัดการสต็อกสินค้า การชำระเงิน การทำ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า หรือ CRM   เครื่องมือทางการตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลและตัวติดตามทางการตลาดเพื่อช่วยด้านการเพิ่มยอดขาย

ที่สามารถเชื่อมกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ อาทิ Google, Facebook, LINE OA และอื่น ๆ ที่รองรับการใช้งานได้มากกว่า 18 สกุลเงิน และมีตัวเลือกหลายภาษา สำหรับผู้ซื้อจากต่างประเทศ ทำให้ไม่เพียงแค่การช่วยสนับสนุนการเติบโตในการทำตลาดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างโอกาสในการเติบโตในต่างประเทศอีกด้วย

ขณะที่ Social commerce Solution หรือ ระบบการจัดการร้านค้าบนโซเชียลคอมเมิร์ซ ที่จะตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่ต้องการกระตุ้นยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มาพร้อมฟีเจอร์ที่โดดเด่นมากมาย อาทิ Shopline Live App ระบบตัวช่วยแม่ค้าออนไลน์ในการ live-streaming ขายสินค้าแบบครบวงจรที่สามารถช่วยจัดการออเดอร์ ตอบกลับลูกค้า และระบบการชำระเงิน อีกทั้งระบบการจัดการข้อความจากลูกค้า โดยมี Chatbot เพื่อการตั้งค่าคำถามที่ถูกถามบ่อย โดยสามารถเชื่อมต่อกับ LINE OA ได้

3.สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจมาแล้วในเอเชีย

SHOPLINE เป็นบริษัทสตาร์ทอัพจากประเทศฮ่องกง ที่มีความโดดเด่นด้วยโซลูชันที่จะเข้ามาตอบโจทย์และแก้ Pain Point ให้กับร้านค้าและธุรกิจออนไลน์ โดยมี Best Practice ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วประเทศต่างๆ อาทิ ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเลเซีย, เวียดนาม, จีน, สิงคโปร์

ที่พร้อมจะนำมาปรับใช้เพื่อให้เหมาะสมกับการให้บริการในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา SHOPLINE ได้ช่วยสร้างการเติบโตให้กับผู้ประกอบการ SMEs มากกว่า 250,000 รายทั่วโลก และสามารถเข้าถึงลูกค้ามากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก โดยมีตัวอย่างความสำเร็จ อาทิ การเข้าไปสนับสนุนแบรนด์ดังอย่าง Durex, Bee Cheng Hiang และ Hiwalk ให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีจากการทำตลาดผ่านช่องทางe – commerce  

4.เปิดคอร์สอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการ

SHOPLINE นอกจากจะมีโซลูชันการทำ e – commerce สำหรับผู้ประกอบการคนไทยอย่างครบวงจรแล้ว SHOPLINE ยังให้ความสำคัญในเรื่องการให้ความรู้ เทรนนิ่งการใช้งานแพลตฟอร์มให้กับผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถเข้าใจการใช้งานและระบบหลังบ้าน เพื่อปรับตัวและทำธุรกิจบนความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

5.ราคาเป็นมิตรเข้าถึงได้ง่าย 

batch_sho2

แม้ว่า SHOPLINE จะเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยได้ไม่นาน แต่สิ่งที่ SHOPLINE เล็งเห็นและให้ความสำคัญเสมอมา คือการเข้ามาช่วยเติมเต็มความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการในต้นทุนที่ไม่สูงนักพร้อมกับนำบริการต่างๆ ของ SHOPLINE เข้ามาปรับเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดเพื่อให้สามารถตอบโจทย์และช่วยแก้ Pain Point ให้กับผู้ประกอบการทุกขนาดได้ โดยมีราคาค่าบริการที่ย่อมเยาว์และเป็นมิตรกับผู้ประกอบการไทย

โดยสำหรับโซลูชัน E-commerce แบบรายเดือนที่ 599 บาท และรายปี 4,999 บาท โซลูชัน Social commerce ในราคาเท่ากันคือ 599 บาทต่อเดือน หรือ 4,999 บาท ต่อปี และหากเป็นแบบ All in one จะมีราคาตกที่ 1,199 บาทต่อเดือน หรือ 7,999 บาทต่อปี ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่ไม่สูงนัก เมื่อเทียบต้นทุนในการเข้าไปเปิดร้านในแพลตฟอร์ม E – Marketplace

และนี่คือ 5 เหตุผลที่ธุรกิจและผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม SHOPLINE ผู้นำระบบจัดการร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร (Global Smart Commerce Enabler) ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดทางด้านทรัพยากร งบประมาณ และความรู้ด้านเทคโนโลยี โดย SHOPLINE จะเป็นพาร์ทเนอร์ในการช่วยขับเคลื่อนการเติบโตบนความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของตลาด e – commerce ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ