เรียกว่าเป็นคนบันเทิงที่สนิทกันมากสำหรับ เสนาหอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค และ ป๋อง-กพล ทองพลับ ซึ่งแต่ละคนต่างขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้แบบสุดๆ งานนี้เลยขอมาเปิดโปงวีรกรรมเปย์สาว และสกิลความเจ้าชู้ของแต่ละคนแบบหมัดต่อหมัดซัดกันนัว ส่วนใครจะเจ้าชู้กว่ากัน ก็ต้องไปหาคำตอบในรายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี หนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร
ทั้งคู่มาสนิทสนมกันได้อย่างไร
เสนาหอย : “เราจะเจอกันตามแหล่งอโคจร ตลอดเวลา เมื่อก่อนเที่ยวกันได้ เราเที่ยวกันถึงตี 2 ตี 3 เรียกว่าเจอกันจนเบื่อหน้า”
ป๋อง กพล : “ส่วนมากหอยจะไปคนเดียว ส่วนผมจะไปกับดีเจที่จัดรายการร่วมกัน มีแจ๊ค มีทีมงาน ซึ่งเราจะไปตามผับ ตามเธค คือผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องไปคนเดียว และเวลาไปก็จะเจอทุกครั้ง และตำแหน่งที่เจอก็จะเป็นหน้าห้องน้ำหญิง”
ทำไมชอบไปยืนที่หน้าห้องน้ำหญิง
เสนาหอย : “ต้องบอกก่อนว่าบรรยากาศการเที่ยวสมัยก่อนไม่เหมือนสมัยนี้ เมื่อก่อนมันจะแน่นๆ คนเยอะแน่นมาก เวลาจะเดินไปโต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ทีมันใช้เวลา แต่ถ้าเรายืนอยู่จุดๆ นี้ ที่สาวๆ จะต้องเดินผ่านมาก็คือหน้าห้องน้ำ และถ้าเจอใครเราก็จะไม่เรียกไม่ทักเพราะมันเหมือนการแย่งจุดโฟกัส”
พี่ป๋องว่าสเปกของพี่หอยเป็นอย่างไร
ป๋อง กพล : “พี่หอยน่าจะชอบผู้หญิงน่ารัก สวย และต้องมีความเซ็กซี่ เรื่องเด็กต้องเด็กอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องเด็กนี้เป็นสเปกที่เราน่าจะชอบเหมือนกัน”
เสนาหอย : “เขาก็เหมือนกัน คือสเปกเหมือนกัน”
เคยใช้เวลาจีบนานสุดแค่ไหน
เสนาหอย : “เมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยกล้าหรอก เราก็แค่อยากเดินดู คือถ้าเราไม่กล้าให้ไลน์เขาก่อน คือเวลาเราไปเที่ยวเราต้องระวังตัวนิดหนึ่ง คือเขาอาจจะมากับอีกโต๊ะหนึ่ง เดี๋ยวจะมีเรื่องมีราวกัน เราต้องทดสอบจนแน่ใจค่อยแลกไลน์ เมื่อก่อนเล่นแบล็คเบอร์รี่ (BlackBerry) ความจริงเราจะมีเบอร์ แล้วก็มีไลน์”
ชมพู่ ก่อนบ่าย : “ทุกเช้าคนที่พี่หอยจีบจะได้ภาพโป๊ครึ่งตัวโชว์ซิกแพ็ค และอีกภาพคือกินกาแฟน”
ป๋อง กพล : “ไม่ใช่แค่ผู้หญิง ผู้ชายอย่างเราเขาก็ส่ง (หัวเราะ) ผมว่าเขาคงส่งหว่านแหละ คือกดฟึ่บเดียวแล้วไปหมดเลย”
เสนาหอย : “ผมเคยพลาดมากๆ เคยส่งให้ผุ้ใหญ่ในวงการ คือผมไม่ขอเอ่ยชื่อดีกว่า คือพอผมส่งไปแล้วเขาก็ไลน์กลับมาถามว่า “หอยทำไมส่งแบบนี้ให้พี่ เดี๋ยวคนอื่นคิดว่าพี่เป็นเกย์” คือผมกดพลาด กดพลาดจริงๆ”
แล้วน้าป๋องเป็นแบบนี้ไหม
ป๋อง กพล : “ไม่ครับ ผมเป็นคนไม่ค่อยส่งรูป คือเราเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ชอบเด็ก คือตัวเราก็ไม่กล้า เราก็จะให้ลูกน้องเข้าไปแซะก่อน คืออย่างเราชอบโต๊ะนี้เราก็จะให้ลูกน้องของเราไปขอเบอร์ให้หน่อย ได้เบอร์มาเราค่อยโทรไปจีบ คือในยุคพี่ยังไม่มีไลน์ จะมีพวกเพจเจอร์ โฟนลิงค์ แพคลิงค์ (Paclink) เราก็ส่งข้อความไปจีบ”
สมัยจีบเด็กเสียค่าหน่วยกิตแพงสุดเท่าไหร่
ป๋อง กพล : “ของผมเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน คือเราก็จำตัวเลขได้ไม่เป๊ะ แต่เทอมหนึ่งก็น่าจะหลายหมื่น ประมาณ 3 หมื่น 4 หมื่น ประมาณ 2-3 คน ถามว่าได้อะไร เราก็ได้ความสุข”
เสนาหอย : “ของผมน่าจะหมี่นห้า ประมาณ 5 คน แต่มันเป็นเรื่องในอดีตนะ”
ค่าเช่าห้องล่ะเสียไปเท่าไหร่
ป๋อง กพล : “ส่วนใหญ่ก็จะเป็นครั้งๆ แต่ก่อนค่าห้องไม่แพงมาก ส่วนใหญ่ก็จะ 3,500 – 4,000 ต่อเดือน จ่ายให้ประมาณ 2-3 ห้อง ส่วนของก็จะมีทีวี เพราะเวลาอยู่ห้องเขาเราก็จะเห็นทีวีจอเล็กๆ ซึ่งเราก็อยากดูด้วย เราก็เลยซื้อให้ซื้อจอใหญ่ๆ ก็เสียเงินไปหลายเครื่อง”
เสนาหอย : “ส่วนใหญ่ผมไม่ค่อยมีเกี่ยวกับค่าเช่าห้อง แต่จะเสียไปกับของมากกว่า เช่น ตู้เย็น ถามว่ากี่ตู้คือนับไม่ทันเลย เอาเป็นว่าผมเดินไปพาวเวอร์มอร์ คนขายตะโกนลงมาเลยนะว่า พี่หอยวันนี้เอากี่คิว”
เห็นว่ามีซื้อรถยนต์ให้ด้วย
ป๋อง กพล : “ของผมคันเดียว เป็นฮอนด้าซีวิค (Honda Civic) ในยุคนั้นประมาณ 2-3 แสนบาท วันที่ซื้อพี่ซื้อเงินสด”
เสนาหอย : “ส่วนของผมน่าจะ 5 แสนขี้น ผมจำยี่ห้อไม่ได้ แต่ผมก็ซื้อแค่คันเดียวเหมือนกัน ที่ผมให้เขาเพราะว่าความรักนะและบ้านเขาลึก คือเราไม่ได้อยู่กับเขาแล้วเราเป็นห่วงเวลาเขากลับบ้านก็เลยซื้อให้”
ตอนนั้นคิดว่าตัวเองโดนหลอกไหม
เสนาหอย : “ไม่เลย คือบางทีเขาพูดอะไรมาเราก็แกล้งไม่รู้บ้างก็ได้ มันก็มีความสุข”
ป๋อง กพล : “มันไม่ได้เรียกว่าหลอกหรอก คือแต่ละคนที่เราคบมา มันเป็นความสุขอย่างที่พี่หอยบอก เพราะเขาไม่ได้เป็นเร้าหรือ แต่เป็นเราเองที่เห็นว่าเขาลำบากกว่าเรา เขาเด็กกว่าเรา เขายังเรียนอยู่ แต่เราทำงานแล้ว เราก็พอมีกำลัง อะไรที่ซัพพอร์ตเขาได้เราก็ก็อยากซัพพอร์ตทุกอย่าง”
แล้วเวลาจะจบกับคนที่เราคุย เราจบอย่างไร
ป๋อง กพล : “ของผมจบดีนะ เวลาเลิกกับน้องๆ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรกลับมา ก็จะกลายเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ตอนที่เราทำร้าน คนที่เราเลิกไปเขาก็ยังแวะเวียนมากับแฟนใหม่มานั่งกินข้าวที่ร้านเรา อย่างคนที่ยังไม่มีแฟน ก็มาหาเราที่ร้าน ก็กลายเป็นพี่เป็นน้อง ไม่มีปัญหา”
เสนาหอย : “ส่วนของผมก็จะหายๆ กันไป จริงๆ ผมไม่เคยตั้งใจถอยห่างใครเลย ผมเคยบอกผู้หญิงว่า ถ้าคบกับพี่แล้วเจอใครที่ดีกว่าพี่ไปได้เลย แล้วเราก็เคยเจอด้วย”
แล้วที่ว่าพี่หอยเน้นจีบเอาปริมาณไม่เน้นคุณภาพจริงไหม
เสนาหอย : “ไม่จริง เท่าที่พี่ป๋องเห็นจะน่ารักทุกคน ส่วนที่จีบหว่านอันนี้ยอมรับ เพราะหน้าตาอย่างเราก็ต้องหว่านไว้ก่อน เผื่อเขาจะสนใจเรา แต่ละคนเราก็คุยกันดีๆ”
แฟนคนล่าสุดมีข่าวว่าสวยมาก และคบกันยาวมาก
เสนาหอย : “คือผมคบกับคุณป๋องมานาน ชื่อแฟนเรา 2 คน มีคำว่า “ส้ม” เหมือนกัน ชื่อแฟนผมคือ เค้กส้ม ส่วนแฟนพี่ป๋องชื่อ ส้มโอ”
พี่ป๋องเป็นคนให้นิยามเรื่องความรักจนทำให้พี่หอยมีเค้กส้มในวันนี้
ป๋อง กพล : “คืออย่างที่คุยผมกับพี่หอยวนเจอกันมาหลายครั้งแล้ว เราเจอกันตามรายการบ่อยมาก ก็เลยทำให้สนิทกันมากขึ้น ปรากฎว่าเรื่องของความรักของเขาและผมคล้ายๆ กัน หลายเหตุการณ์ที่ต้องบอกว่าเหมือนก๊อปปี้กันมา จนวันหนึ่ง ปรากฏว่าผมมีคู่และมีลูก ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่เอาแล้ว เพราะที่ผ่านมาเขาผิดหวังเรื่องความรักมาเยอะแยะมากมาย เขาก็เลยบอกว่าเขาไม่อยากมีใครแล้ว ผมก็บอกหอยว่าไม่เป็นไรวันนี้จะคิดแบบนั้นก็ได้ แต่วันหนึ่งจะเหวี่ยงคนที่ใช้มาให้ แล้ววันหนึ่งคนๆ นั้นก็ถูกเหวี่ยงมาให้เขาจริงๆ”
เสนาหอย : “ตอนที่เขาพูดตอนนั้นผมก็ยังไม่เชื่อนะ”
พี่หอยกับน้องเค้กส้มอายุห่างกัน 25 ปี
เสนาหอย : “ตอนแรกบอกตรงๆ เลยว่าพี่ไม่รู้ คือผมไม่เคยสนใจเรื่องพ.ศ. รู้แค่ว่าเกิดก่อนวันวาเลนไทน์ แต่ไม่เคยได้ถาม คนๆ นี้เจอกันมาตั้งนานแล้ว เราก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเราตกลงกันว่าลองๆ คบกันดู แต่มันมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง คือเขาจับได้ว่าเราคุยกับคนอื่น วันนั้นผมคิดเลยว่าเขาคงเดินออกไปจากเราแล้ว แต่เขาพูดกับเราว่า พี่ หนูรักพี่นะ แล้วน้ำตาก็คลอๆ แค่นี้ เรารู้สึกเลยว่า เฮ้ย มีคนพูดแบบนี้กับเราด้วยหรือวะ ผมบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมเปลี่ยนแปลง เป็นผู้หญิงคนแรกเลยที่ทำให้ผมน้ำตาคลอเบ้าแล้วผมก็ขอโทษเขา แล้วพี่จะไม่ทำอย่างนี้อีก แล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยทำอีกเลย วันนั้นตอนที่เขาพูด ผมนึกถึงคำของพี่ป๋องพูดเลยว่า เดี๋ยวมันจะเหวี่ยงมา ซึ่งมันเหวี่ยงมาจริงๆ โดยไม่มีอะไร”
เปิดต้วแฟนจริงจัง ตอนนี้คิดถึงขั้นแต่งงานหรือยัง
เสนาหอย : “ผมบอกกับเขาแล้วว่า การแต่งงานเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำในชีวิตคู่ เพราะผมไม่ชอบใส่สูท แต่ผมก็เกรงใจคุณแม่เขา ซึ่งคุณแม่เขาอายุน้อยกว่าผมอีก คือผมเคยคุยกับคุณแม่เขา แต่ยังไม่เจอแบบประจันหน้ากัน”
ความรักครั้งนี้ผมไม่รู้ว่าจะดีแค่ไหน แต่ผมคิดว่ามันดี ผมจะทำให้มันดีที่สุด ผมเคยพูดกับเขาว่าไม่รู้วาจุดจบเป็นอย่างไร แต่ผมจะดูแลเขาชั่วชีวิตแค่นั้นเอง ได้ข่าวว่าภรรยาคนปัจจุบัน เคยทำให้เขาเสียใจ
ป๋อง กพล : “ใช่ คือช่วงนั้นเราก็มีจีบคนนั้นคนนี้ ก็จะคล้ายๆ พี่หอย คือเรายังไม่แต่งงาน จนทุกวันนี้ก็ยังไม่แต่งงาน คือเขาเป็นแอร์ก็จะมีบินไปโน่นนี่ เราก็ใช้ชีวิตของเราไปเรื่อยๆ แล้วระหว่างนั้น ปรากฎว่ามีเพื่อนพี่อยู่คนหนึ่งบอกเราว่า ต่อไปคงไม่มีเวลาไปเที่ยวเพราะเพื่อนเขาก็มีลูกมีเมียแล้ว เราก็คิดว่าต่อไปเราจะเที่ยวกับใคร เราก็เลยคิดว่าเราต้องหาเพื่อนไปกิน ไปเที่ยว”
“ตอนนั้นเป็นปี 2538 ซึ่งศรราม (ศรราม เทพพิทักษ์) ดังมาก เขาก็ล้อเราว่าเหมือนศรราม 38 คือหล่อมาก หล่อเลือกได้ ปรากฎว่าพอเราไปนอนกับคนนั้นคนนี้เรารู้สึกไม่สบายใจ เรารู้สึกว่าการนอนหลับของเราไม่สนิท เวลาเราอยู่กับเขาเรารู้สึกปลอดภัย แต่อยู่กับคนอื่นเราระแวง เพราะเราเคยเจอเหตุการณ์แบบนอนๆ อยู่แล้วแฟนของเด็กที่เราไปนอนด้วยเขามาหา เราก็ต้องโดดไปที่ระเบียง ไปหลบหลังคอมเพรสเซอร์ แอร์ อะไรแบบนั้น”
“คือหลังจากแฟนผมรู้ว่าเราไม่น่าจะมีเขาแค่คนเดียวเขาก็ไป พอเขาไป เราก็รู้สึกเหงาๆ เหมือนขาดอะไรไป เอาจริงๆ คือเขาน่าจะเป็นเด็กที่สวยน้อยที่สุดของเราด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นเรารู้สึกว่ามีคนอื่นที่สวยกว่า น่ารักกว่า แต่เราอยู่กับคนนี้เราสบายใจ เราก็เลยโทรกลับไปง้อเขาว่า มีแฟนหรือยัง คือตอนแรกก็คิดว่าถ้าเขาบอกว่ามีแล้วเราก็จะตัดใจ แต่ปรากฎว่าเขาบอกว่ายังไม่มี”
เห็นว่าช่วงนี้เอาลูกตัวเองไปจีบลูกดารา ที่เป็นกระแสคือจะไปดองกับพี่หนุ่ม กรรชัย
ป๋อง กพล : “คืออยากเฉยๆ เพราะเราแค่รู้สึกว่าในเมื่อพ่อมันเกลียดเรานัก เกลียดจริงไม่จริงไม่รู้เพราะพ่อเขาหวงลูกอยู่แล้ว แต่เราคิดว่าเกลียดอะไรมักได้แบบนั้น คือในเมื่อพ่อมันเกลียดกู ในวันหน้าลูกผมกับลูกเขาก็ไม่แน่ ซึ่งพี่หนุ่มก็จะด่าเราตลอดเพราะเขาหวงลูกมาก ส่วนลูกของแอนอลิชานั้น คือเราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แล้วลูกของภูริเขาน่ารัก แต่อันนี้ไม่ได้หรอกเพราะคุณตาเขาหวง”
ครอบครัวอื่นไม่เท่าไหร่แต่ทำไมครอบครัวพี่หนุ่มดูจริงจัง
ป๋อง กพล : “ผมอยากเอาชนะมัน เพราะมันชอบแกล้งผม สมัยก่อนเราทำงานด้วยกัน เขาก็หล่อ เขาก็ดีกว่า แล้วแต่ก่อนเราทั้งคู่ก็ไม่เคยคิดจะมีลูก วันหนึ่งเขามีน้องมายู ส่วนผมก็มีน้องเป็ดน้ำ อารมณ์ก็ประมาณพ่อโตมาไล่ๆ กัน อายุห่างกันไม่กี่ปี แล้วบังเอิญว่าคนหนึ่งได้ลูกชาย คนหนึ่งได้ลูกหญิง ถ้าได้คู่กันจิรงเราก็สะใจ”
ซื้อบ้านใหม่ทำไมซื้อบ้านร้าง
ป๋อง กพล : “เหมือนดวง แต่ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าเรามีบ้าน 2 หลัง หลังแรกคือหลังนอกที่ให้พ่อแม่อยู่ แล้วหลังในเป็นผมและครอบครัวอยู่ แล้วบ้านที่ผมอยู่มันมีบ้านร้างที่อยู่ติดกัน ซึ่งร้างมานานหลายสิบปีแล้ว เวลาที่เราเห็นหลังนี้เราก็รู้สึกว่า ขอให้ปู่ ขอให้ย่า ขอให้ตา ขอให้ยาย ดลบันดาลให้ลูกมีเงินมีทอง มีงานนะเดี๋ยวจะมาซื้อบ้านหลังนี้ เพราะใจเราอยากจะขยายครอบครัว แต่ตอนนั้น ถามว่ารู้ไหมว่ามีตุ๊กแก ก็บอกได้เลยว่ามีเพราะเราได้ยินเสียงตุ๊กแก คือเราเคยเห็นตัวหนึ่ง ตัวเล็กๆ เราก็ไม่คิดอะไร วันหนึ่งเราปิดร้านเดอะช็อคไป เราก็คิดว่าเราจะเอาบ้านหลังนอกมาทำเป็นร้านกาแฟ ทำเป็นออฟฟิศ แล้วจะเอาพ่อกับแม่มาอยู่บ้านหลังใน ก็เลยซื้อบ้านร้างหลังนี้เพื่อที่จะได้ขยายพื้นที่ ทุกคนจะได้มาอยู่ด้วยกันหมด”
“อยู่ดีๆ วันหนึ่งเมียผมก็เห็นตุ๊กแกฝูงหนึ่งออกมาจากโพรงใต้หลังคาบ้าน คือมันออกมาร่วม 10 ตัว แล้วผมก็คิดได้ว่าเวลาจิ้งจก ตุ๊กแกเวลามันไข่ มันจะไข่ออกมาเป็นแพ เราก็คิดว่าบนฝ้าน่าจะมีมากกว่านั้น ถามว่าผมกลัวไหม กลัวมาก…ก (เสียงสูง) แต่พ่อผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะตุ๊กแกอยู่บ้านไหนมันจะให้โชคให้ลาภ แต่เรารู้สึกว่ามันจะให้โชคให้ลาภเยอะไป ก็เลยคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอาจจะให้เจ้าหน้าที่มาจับตุ๊กแกครอบครัวนี้ไปอยู่ตามธรรมชาติที่อื่นดีกว่า คือเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะมาช่วยดูแล้วช่วยจับออกไปให้ คือผมก็ไม่รู้วิธีการนะว่าเขาจะรมควันไหม หรือหาตะข่ายมาจับ คือจับแบบไม่ทำร้ายเขา จับแล้วไปปล่อยที่อื่น แล้วบ้านที่ซื้อมาจะได้มาปรับปรุงเชื่อบ้าน 2 หลังให้เป็นหลังเดียวต่อไป”
ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama