เสธ.หมึก พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ประกาศปฏิทินการแข่งขันจักรยานที่ประเทศไทยออกมาเรียบร้อยแล้ว อัดแน่นตลอดทั้งปี
เสธ.หมึก พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ เผยว่า สมาคมได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 ให้แก่ผู้ชนะเลิศในรายการครอสคันทรี่ และดาวน์ฮิล รวม 30 รุ่น
อีกทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลถาวรให้แก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันจักรยานประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย, จักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All”
- บิ๊กก้อง ยันแบ่งโควตาถ่ายทอดสดบอลโลกให้ทุกช่องเท่าเทียม-โปร่งใส
พลเอกเดชา กล่าวว่า สมาคมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ดำเนินการจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่อง ล่าสุดได้กำหนดโปรแกรมจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 รวมทั้งสิ้น 28 สนาม โดยจะประเดิมรายการแรกคือจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” สนามที่ 1 ระหว่าง 14-15 ม.ค.66 เส้นทางรอบบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร
“จักรยานปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All ในปี 2566 สมาคมจะปรับเปลี่ยนกฎกติใหม่ จากเดิมที่แบ่งการแข่งขันตามความเร็ว คือ AV40, AV35, AV30 ทั้งชายและหญิง ซึ่งเป็นการแบ่งตามความเร็วของการปั่น แต่แข่งขันรวมกันหมดทุกกลุ่มอายุ ทั้งเยาวชน, ประชาชน และนักปั่นที่สูงวัย”
“แต่กติกาใหม่จะเปลี่ยนเป็นแบ่งตามรุ่นอายุ กรณีนักปั่นที่กลุ่มอายุเดียวกันจะแข่งขันกันในกลุ่ม กลุ่มเด็กจะแข่งขันเฉพาะเด็ก ไม่ต้องแข่งรวมกัน ส่วนถ้วยพระราชทานจะแบ่งตามกลุ่มอายุเช่นเดียวกัน โดยการแบ่งกลุ่มอายุใหม่ มี 12 รุ่น เป็นชาย 9 รุ่น หญิง 3 รุ่น ดังนี้ รุ่นประชาชนชาย, รุ่นเยาวชนชาย, รุ่นอายุ 30-34 ปีชาย, รุ่นอายุ 35-39 ปีชาย, รุ่นอายุ 40-44 ปีชาย, รุ่นอายุ 45-49 ปีชาย, รุ่นอายุ 50-54 ปีชาย, รุ่นอายุ 55-59 ปีชาย, รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปชาย, รุ่นประชาชนหญิง, รุ่นเยาวชนหญิง รุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไปหญิง”
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า จักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2566 สมาคมได้ดำเนินการลงทะเบียนกับสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ให้เป็นรายการนานาชาติ ระดับ C1 บรรจุลงปฏิทินประจำปี 2023 ในประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ จำนวน 3 สนาม แข่งขันที่สวนกีฬากมล ถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก ทั้ง 3 สนาม
ประเภทเสือภูเขา ครอสคันทรี่ จำนวน 2 สนาม ที่จังหวัดพิจิตร และจังหวัดจันทบุรี โดยมีนักกีฬาจากต่างชาติแสดงความจำนงจะเดินทางมาร่วมแข่งขันเป็นจำนวนมาก เพื่อเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส
นอกจากนี้สมาคมยังลงทะเบียนประเภทถนนให้เป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ระดับ CN ในสนามที่ 1 ที่กาญจนบุรี และประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ สนามที่ 4 ที่สวนกีฬากมล เขตหนองจอก กทม. นักปั่นที่ได้แชมป์ในแต่ละรุ่นที่กำหนดจะได้สิทธิ์สวมเสื้อสีขาวที่มีลายธงชาติไทย ตามระเบียบของยูซีไอ ไปแข่งขันรายการต่าง ๆ ในฤดูกาล 2024 ที่ยูซีไอรับรองทั่วโลก
นายกสองล้อไทย กล่าวอีกว่า นอกจากชิงแชมป์ประเทศไทยทั้ง 28 สนามแล้ว สมาคได้จัดรายการนานาชาติอีก 3 รายการใหญ่ ประกอบด้วย จักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2023” ระหว่าง 1-10 เม.ย.66 เส้นทางภาคตะวันตกไปสู่ภาคตะวันออก เริ่มจากกาญจนบุรี ผ่านสุพรรณบุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, จันทบุรี และไปสิ้นสุดที่ระยอ
รายการที่ 2 เป็นจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 42 ระหว่าง 7-13 มิ.ย.66 ที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย จังหวัดระยอง รายการที่ 3 จักรยานประเภทลู่นานาชาติ “แทร็ก เอเชีย คัพ 2023” ระหว่าง 27-31 ก.ค.66 ที่เวโลโดรม สนามกีฬาแห่งที่ 2 โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี
สำหรับโปรแกรมทั้งหมดสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.thaicycling.or.th รวมทั้งรายละเอียดการรับสมัครหนูน้อยขาไถชิงแชมป์ประเทศไทยฯ ที่เปิดรับสมัครถึงวันที่ 9 ธ.ค. และมีการวางใบสมัครตามสาขาต่าง ๆ ของเอฟบีที รวม 6 สาขา