นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โพสต์ Facebook แจง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การซื้อขายที่ดินของ บริษัทแสนสิริ และเรื่องนอมินี เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว นายเศรษฐา ปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวอ้าง ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนให้เกิดความเสียหาย
พร้อมกับข้อความ ว่า “ผม เศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง” ผมเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติ และเศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำ จนถึงวันนี้ ผมมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม ผมย้ำอีกครั้ง ศัตรูของผม คือความยากจน และความไม่เสมอภาคของประชาชน เป้าหมายของผม คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคนครับ
ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงสารสิน หรือที่ดินซอยทองหล่อ ยืนยันกระบวนการบริหารภายในของฝ่ายผู้ขายได้ในทุกขั้นตอน ฝั่งผู้ซื้อ ไม่มีนอมินี ไม่มีการปล่อยกู้ให้ผู้ขาย ความจริงเป็นการจดจำนองเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญาและห้ามผิดสัญญาของบริษัทผู้ขาย และประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท มีหลักฐานชัดเจน ยืนยันไม่มีการทำสัญญากู้ อีกทั้ง ไม่มีการสมคบคิดใดๆ และไม่เคยมีเงินทอนใดๆ
“ผมออกมาวันนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริง และตอบคำถามของสังคมในกรณีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริและเรื่องนอมินี ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหาร ผมยืนยันว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการบริษัท เราดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวอ้าง ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนให้เกิดความเสียหาย” เศรษฐา กล่าว
- ‘วันนอร์’ เผย มติวิป 3 ฝ่าย เคาะกรอบเวลาโหวตนายกฯ 22 ส.ค. นี้
- ศิธา ชี้! สมการบันได 5 ขั้น ด่านโหวตนายกฯ สุดท้ายไปจบที่ ลุงหนู-ลุงป้อม
- โรม ยัน! เสนอญัตติทบทวนมติในสภา ตอบปม ชลน่าน มีลุงจะลาออก
อย่างไรก็ตาม ผ่านมา 10 เดือนแล้ว ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว จนมาถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่ข่าวออกเรื่องมติพรรคเสนอชื่อตนในสภาเพื่อเป็น นายกรัฐมนตรี ตนถูกข่มขู่ โดยนายชูวิทย์ ได้ฝากข้อความผ่านคนใกล้ชิดมาสั่งให้ตนมัดจำเงินเพื่อซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ และทำเอ็มโอยูแบบไม่มีเงื่อนไขในการซื้อขายที่ดิน ส่วนตัวไม่ได้ทำอะไรผิด นายชูวิทย์ไม่มีสิทธิ์มาข่มขู่ตน
นายเศรษฐา ยังระบุด้วยว่า นายชูวิทย์ มีการติดต่อผู้ใหญ่ให้มาบอกกับตนเองว่าจะแฉ และทำทุกอย่างเพื่อให้ตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะไม่ให้แฉ ตนต้องตกลงซื้อที่ดินราคา 2,000 ล้านทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่งั้นนายชูวิทย์จะเดินหน้าดิสเครดิต และด้อยค่าตนต่อไป
นายชูวิทย์ ยังบิดเบือนข้อมูลที่จะเข้า Wallet ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นนโยบายฟอกเงินผ่านทางเงินดิจิตอล ยืนยันโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี มีผลประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก และการที่ตนเองออกมาพูดในครั้งนี้มั่นใจว่าในชีวิตจะไม่พอใจและอาจจะไปฟ้องที่ศาลตนพร้อมที่จะนำพยานหลักฐานไปสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
พร้อมกันนี้ นายเศรษฐา ยืนยัน ได้ว่าชีวิตของตนเองตรวจสอบได้หมดทุกอย่างมีหลายคนเตือนอย่ามาทำงานการเมืองทำให้เปลืองตัวขอขอบคุณในความหวังดีแต่วันนี้ตนได้ตัดสินใจแล้ว เพราะอยากทำให้ประเทศชาติ และเศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม พร้อมย้ำศัตรูของตนเองคือความยากจนความไม่เสมอภาคของประชาชนและส่วนตัวมีเป้าหมายคือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน
ดูคลิปเต็มได้ที่ : เศรษฐา ทวีสิน – Srettha Thavisin
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY