เพื่อไทย จัดสัมมนาปลอบโยนผู้สมัคร “เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง” ร่วมให้กำลังใจ ลั่นไม่ถึงจุดล่มสลายพรรค ย้ำพร้อมรีแบรนด์พรรค แนะผู้สมัครประเมินจุดอ่อน ก่อนส่งข้อมูลให้พรรค ถอดบทเรียนการเลือกตั้ง
24 พ.ค. 66 – ที่ชั้น 7 อาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคพท.จัดประชุมสัมมนาผู้สมัคร ส.ส.พรรคพท. เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ภายหลังการเลือกตั้ง
โดยมีแกนนำ คณะกรรมการบริการพรรค รวมทั้งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และบัญชีรายชื่อ ทั้งที่ได้เข้าสภาฯและไม่ได้เข้าสภาฯ เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง
อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐจันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายเศรษฐา ทวีสิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท.
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพฯ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์เทพสุทิน นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำพรรค และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
จากนั้น นพ.ชลน่าน แถลงข่าวการสัมนาว่า วันนี้พรรคพท. เชิญสมาชิกพรรค มาพูดคุยสัมนาในหัวข้อ “ประสานกำลังใจ ก้าวเดินต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชน” เพื่อให้กำลังใจและขอบคุณทุกคนในการทำหน้าที่ แม้ผลการเลือกตั้งจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับสอง แต่เรายังชื่นชมผู้สมัครที่ทำงานอย่างหนัก แม้ไม่ได้รับการตอบรับ ก็ไม่ถือว่าเลวร้ายก็ให้กำลังใจกัน
โดยวันนี้เราได้บอกทิศทางของพรรค ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร และขณะนี้พรรคกำลังทำอะไรกันอยู่ ทั้งงานในฐานะพรรคร่วม งานในสภา ที่สำคัญการทำพื้นที่ต้องทำต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำถึงการประเมินผลการเลือกตั้ง มีคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง มีนายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรค เป็นหัวหน้าทีม
ซึ่งเราได้มอบภารกิจไปให้ผู้สมัครแต่ละคนไปประเมินตัวเองว่า มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร เพื่อนำมาเป็นข้อมูลนำเข้ามาสัมมนาครั้งต่อไป และให้พื้นที่สามารถประเมินส่วนกลางในการสนับสนุนการเลือกตั้งด้วย เราจะไม่ชี้หน้าด่ากัน แต่จะร่วมกันทำ โดยยอมรับข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อนำข้อเท็จจริงมาปรับให้ก้าวเดินกันต่อไป
โดยแคนดิเดตนายกฯ ทั้งสองท่าน ให้กำลังใจทุกคน โดยยอมรับว่าเราแพ้ในการเลือกตั้ง แต่ทำอย่างไรให้ก้าวไปให้ได้
“อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การล่มสลาย แต่จะเป็นแรงขับสำคัญให้เราคงอยู่ต่อไป พรรคพร้อมเดิมหน้าสนับสนุนการทำหน้าที่ของผู้สมัครของเรา
ขณะที่ นายเศรษฐา ได้พูดถึงภารกิจที่ต้องทำต่อโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ ในการรีแบรนด์พรรค มีคณะทำงานขึ้นมาดูว่า เราจะมีแนวทางทำเรื่องนี้อย่างไร
เมื่อถามว่า การรีแบรนด์พรรคพท. จะเหมือนของ พรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้เรายังไม่ได้คุยถึงรูปแบบว่าจะเป็นอย่างไร แต่ต้องไม่ลืมความเป็นตัวตนของพรรค ไม่ก้าวล้ำจนทิ้งความเป็นตัวตนของพรรคไป และจะไม่เลียนแบบใคร เรามีอัตลักษณ์เป็นของเราเอง
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคพท. กล่าวว่า บรรยากาศการสัมมนาวันนี้เป็นไปด้วยความอบอุ่น ทุกท่านทำงานอย่างหนัก หลังจากนี้ได้ให้แนวทางผู้สมัครทั้งคนที่ได้รับเลือกตั้งและไม่ได้รับเลือกตั้ง ว่าก่อนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผล จะมีเรื่องการร้องเรียนทั้งเราเป็นคนร้องและถูกร้อง
โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคจะไปอำนวยความสะดวก รวมถึงการยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการภายใน 90 วัน เราได้ติวและแนะนำให้ฝ่ายบัญชีของผู้สมัครแต่ละคน ได้มาทำความเข้าใจ และกรณีมีการรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ก็ให้ผู้สมัครเตรียมความพร้อมยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
และเรายังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง คือ นโยบาย กระแสการเมืองและการลงพื้นที่ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง เราเน้นให้ทุกคนลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะพท.มีจุดแข็งในการเอาปัญหาของประชาชนมาสะท้อนต่อพรรค เพื่อนำไปแก้ไขในอนาคต
อีกทั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้เราตั้งข้อสังเกตว่า โซเชียลมีเดียมีผลอย่างยิ่ง ประเทศไทยมีผู้ใช้โซเชียลกว่า 55 ล้านคน เพราะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เราจึงให้ความสำคัญตรงนี้
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เห็นอีกอย่างคือ อุดมการณ์ด้านการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยยังสำคัญ คนที่ย้ายฝ่ายจากพรรคพท.ออกไป 10 กว่าคนสอบตกเกือบหมด รอดมาแค่ 1-2 คน เป็นอุทธาหรณ์สำหรับนักการเมืองที่ไร้อุดมการณ์
โดยเรามองไกลไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป เรื่องโซเชียลยังเป็นสมรภูมิที่ต้องต่อสู่กันรุนแรงมากขึ้น ทุกพรรคหันมาทำตรงนี้ ตนเชื่อว่า พรรคพท.มีความเป็นสถาบันการเมือง เวลาที่ผ่านมาเรามีจุดยืนที่มั่นคงในระบอบประชาธิปไตย แม้มีอะไรเกิดขึ้นเรายืนข้างประชาชน
เมื่อถามว่า การบ้านที่มอบหมายให้ผู้สมัครทุกคนไปวิเคราะห์ประเมินตัวเอง มีกำหนดส่งเมื่อไหร่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเวลา แต่ให้ทุกคนเริ่มประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์ในพื้นที่ตัวเอง ทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกตั้ง จากนั้นจะให้ส่งผลการประเมินกลับมาที่พรรคโดยเร็ว หลังจากนั้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพท. จะได้ประเมินเพื่อถอดบทเรียนการเลือกตั้งครั้งนี้