นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดสกลนครถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อเช้านี้ หลังได้รับการพักโทษ จะมีการเข้าพบนายทักษิณ เพื่อขอคำแนะนำอะไรหรือไม่ว่า “ยังไม่มี” เพราะนายทักษิณก็เพิ่งออกมาเมื่อเช้านี้ ตนคิดว่าในฐานะ “พ่อ” ก็ยินดีด้วยที่จะได้เจอลูก
ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวมานาน นายทักษิณก็กลับเข้ามาตามกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายทุกข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรมเป็นคนเดินเรื่องมา ตนเชื่อว่า ช่วงเวลาหลังจากนี้นายทักษิณคงไม่ได้สนใจเรื่องการเมือง ก็คงอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว และก็รักษาตัวอยู่ต่อไป ให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน
ทั้งนี้ ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนางสาวแพทองธาร ชิณวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ยังไม่มีเวลา” วันนี้ก็ลงพื้นที่ 7 หมาย แต่เชื่อว่า “ใจถึงใจอยู่แล้ว” ก็ส่งความปรารถนาดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของอุ๊งอิ๊งกับครอบครัว เราสนิทกันอยู่แล้ว “เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็น ต้องโทรหรอกครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีโอกาสก็จะโทร แล้วเมื่อมีประชุมก็จะคงเข้าไปแสดงความยินดีด้วย ตนเชื่อว่าเวลาอันมีค่านี้ ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปี ก็ต้องใช้เวลานี้ให้เหมาะสม และก็คุ้มค่าที่สุด”
ส่วนผู้ที่เห็นต่างซึ่งออกมาเคลื่อนไหว และมองว่าศูนย์บริหารงานหลังจากนี้จะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาล ไปเป็นบ้านจันทร์สองหล้าแล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนก็น้อมรับเรื่องความเห็นต่าง เราก็ต้องพูดคุยกันด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ วันนี้ตนเชื่อว่า อย่างเช่นนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเอง ก็อยู่ที่นี่ เราอยู่คนละพรรค ก็คงมีเห็นต่างกันบ้าง แต่โดยรวมเราก็เห็นตรงกัน
เพราะบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ บ้านเมืองเราก็บอบช้ำกันมาเยอะ วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายก หลายๆท่านเอง ถ้าท่านจำได้เมื่อตอนที่ตนได้รับการแต่งตั้งก็ได้เข้าไปพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อฟังคำแนะนำ และเวลาเจอในงานต่างๆก็มีการพบปะพูดคุยกัน ก็ขอคำแนะนำอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าถ้าเกิดท่านอดีตนายกทักษิณพร้อม
จะให้คำแนะนำ ตนเชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะ รับคำแนะนำจากท่าน นายอนุทินเองก็เคยทำงานร่วมกับอดีตนายกทักษิณมาก่อนก็รู้อยู่แล้วว่าท่านมีความปรารถนาดี ประสบการณ์ที่ท่านสะสมมาระหว่างอยู่เมืองนอก และก็เข้ามาสู่กระบวนการทางกฏหมาย ซึ่งต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่างมาดราม่ากันเลย ว่ามีนายกกี่คน รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุอยู่แล้วว่ามีนายกคนเดียว ก็มีคนเดียวก็คือผมนี่แหละ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่ได้รับคำแนะนำจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี “ท่านบอกว่า ที่ทำอยู่ก็ดีอยู่แล้วแต่ต้องอดทนต่อไป” เพราะอย่างที่ท่านเตือนแรง ตั้งแต่ตอนแรกที่ตนเข้ามารับตำแหน่ง เรื่องธุรกิจกับเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไม่เหมือนกัน เพราะธุรกิจมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ราชการต้องขึ้นกับหลายหน่วยงาน และนายอนุทิน ก็เตือนตนว่าขอให้ใจเย็นๆ ไม่ใช่ทุกเรื่องทำได้เองหมด เช่นเดียวกับสื่อมันชนก็เคยเตือนตน ว่าให้ใจเย็นไและช้าๆ บ้าง อย่าปากไว ซึ่งตนก็ไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธอะไร
แต่มองว่าบางบริบท ก็เหมาะสมที่จะได้รับคำเตือนและนำไปพิจารณา พร้อมยืนยันว่า ตนไม่ได้เคลมหมดว่า รู้หมดทุกอย่าง หากคำแนะนำอะไรที่เหมาะสมและเตือนกันด้วยความปรารถนาดี ตนก็พร้อมน้อมรับจากทุกท่าน ไม่ใช่จากทุกคนไม่ใช่เพียงอดีตนายกอย่างเดียว เพราะต้นเพิ่งเข้าการเมืองได้5-6เดือน ซึ่งก็ได้รับคำเตือนตลอดอย่างเช่นเมื่อเช้านี้ นายอนุทินก็ยังให้คำแนะนำเรื่องการทำงานอยู่ แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังมีขีดจำกัดของตนเอง เช่นให้คำแนะนำ 10 เรื่อง ตนอาจจะรับฟัง6-7 เรื่อง เพราะฝนก็มีขีดจำกัดและมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีคำแนะนำ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้พร้อมน้อมรับคำแนะนำ
การทำงาน 5-6 เดือน ที่ผ่านมาเหนื่อยหรือหนักบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าบอกว่า “ไม่เหนื่อย ก็คงคงไม่จริง” แต่เมื่อเสนอตัวมารับใช้ประชาชนแล้วก็รู้ว่างานจะเยอะอยู่แล้ว อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหา PM 2.5 ปัญญายาเสพติด ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมาตนก็ได้คุยกับแม่ทัพภาคที่สองที่นำเสนอวิธีการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งมองว่าบางเรื่องก็มีความน่าสนใจในการกำจัดยาเสพติด พร้อมยืนยันว่าตนไม่อยากจะมองว่าเป็นปัญหาแต่ขอให้มองว่าเป็นโอกาส
ส่วนการที่นายทักษิณ ได้รับการพักโทษ ทำให้มีการมองว่าสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้จะมีความเปลี่ยนแปลง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็คอยดูต่อไป เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงทุกวัน แต่ตนไม่แน่ใจว่าที่สื่อ บอกว่าเปลี่ยนไปนั้นจะดีขึ้นหรือเลวลง แต่ตนมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว เพราะรัฐบาลเองก็มี 314 เสียง เราทำงานร่วมกัน แม้จะมีบางข้อที่เห็นไม่ตรงกันแต่ก็พูดจากันด้วยดี และพยามแก้ปัญหาด้วยความตั้งใจจริง เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวคือการนำพาประเทศไปให้ได้
ถ้าการพักโทษ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมาย ที่ท่านได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว และผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อย และออกมาพักตัวที่บ้านแล้ว เชื่อว่าพี่น้องคนไทย ประชาชน 66 ล้านคน ก็ยินดีถ้าเกิดการเมืองไทยดีขึ้น ก็เป็นหน้ามี่ของเราที่ทำให้มันดีขึ้น
สำหรับกรณียังมีอดีตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยที่ยังอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน ตนไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น หากกลับเข้ามาตามกระบวนการกฎหมายและทุกอย่างถูกต้องก็เป็นเรื่องหน้ายินดี
ขณะกลุ่ม คปท. อาจจะไปปักหลักชุมนุมที่หน้าบ้านจันทร์สองหล้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปให้ได้ ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองสงบสุข แต่ปัญหาใหญ่ขณะนี้ คือเรื่องเศรษฐกิจ จึงอยากให้โฟกัสเรื่องนี้มากกว่า ส่วนการแสดงทางจุดยืนขอให้อยู่บนกรอบของกฎหมาย โดยรัฐบาลก็มีหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย อย่าให้เกินเลย
ส่วนจะมีการขอคำแนะนำนายทักษิณหรือไม่ เพราะรัฐบาลก็มุ่งนโยบายเรื่องเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่อดีตนายกฯทักษิณ แต่ทุกคนเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าอดีตนายกฯทักษิณเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย และก็ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีอีกหลายคนที่มีความชำนาญในหลายๆ เรื่อง
ซึ่งคนรัฐบาล รวมถึงตนก็มีสิทธิ์ที่จะไปขอคำแนะนำกับบุคคลเหล่านี้ แต่ยืนยันว่า จุดมุ่งหมายที่ทุกคนมีคือให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ อย่างไรก็ตามขออย่าดราม่าว่ามีนายกรัฐมนตรี 2 คน ตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคนเดียว