เศรษฐา บุกอยุธยา รับฟังปัญหาชาวนากลางทุ่งผักไห่ โวพร้อมเพิ่มเงินในกระเป๋าชาวนา 3 เท่า แย้มเตรียมประกาศนโยบายใหญ่ รับรองฮือฮา กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 10 มี.ค.2566 ที่อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ นักวิชาการด้านการเกษตรสมัยใหม่ ฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย นายอัณณพ อารีย์วงศ์สกุล นายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล นายองอาจ วชิรพงศ์ นายจิรทัศ ไกรเดชา และนายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรชาวนา โดยชาวนาได้สะท้อนปัญหาเรื่องน้ำเพื่อการเกษตร ปุ๋ยแพง รวมถึงอยากให้ข้าวมีราคาสูงขึ้นกว่านี้ ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อตัน และปัญหาหนี้สินของเกษตรกรด้วย
นายเศรษฐา กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ลงพื้นที่นี้เป็นจังหวัดแรก เพื่อรับฟังความอัดอั้นตันใจของชาวนา ทราบว่าปัญหาเยอะเหลือเกิน แต่ 8 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ในหลุมดำของกับดักรายได้ต่ำ ราคาข้าวไม่ดี ผลผลิตไม่ดี และมีปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาตลอด ยืนยันว่าปัญหาน้ำท่วมเรามีแผนงานทำฟลัดเวย์หรือพื้นที่กักน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระในช่วงน้ำหลาก เรื่องน้ำแล้งนั้น จะต้องขุดบ่อและนำปั๊มน้ำเข้ามาในพื้นที่
ส่วนปัญหาหนี้สิน เป็นปัญหาใหญ่ที่พรรคตระหนัก เนื่องจากราคาข้าวที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญหรือเปิดตลาดใหม่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ทำหน้าที่เซลล์แมนขายของเลย ถ้าพรรค ได้รับความไว้วางใจกรุยทางถนนเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล ก็จะเข้าไปจัดการค้าขายกับต่างประเทศ ยกระดับราคาสินค้าเกษตร รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องระบบสาธารณสุขในการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วย เรามีความจริงใจ ตั้งใจจริงที่จะหาทางแก้และช่วยเหลือพี่น้องอย่างเต็มที่
จากนั้นนายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์กรณีชาวนาสะท้อนเรื่องปุ๋ยแพงและราคาข้าวตกต่ำว่า ราคาเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง หากราคาแพงต้นทุนก็จะสูง เงินเข้ากระเป๋าก็จะน้อย หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย คือ ต้องเพิ่มเงินสุทธิเข้ากระเป๋าให้มากขึ้นอย่างน้อย 3 เท่า ทั้งการลดราคาสินค้าและค่าใช้จ่าย ส่วนปัญหาปุ๋ยแพงนั้น ยอมรับว่าเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลกที่ควบคุมได้ยาก จึงมีนโยบายสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในท้องถิ่น เพื่อทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะทำให้เราควบคุมราคาปุ๋ยได้
เมื่อถามว่า 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคาข้าวได้ มั่นใจหรือไม่ว่าพรรคจะทำได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงไม่สามารถพูดถึง 8 ปีที่ผ่านมาได้ แต่ทราบถึงความอึดอัด ไม่มีความสุข ที่ราคาพืชผลตกต่ำ แต่ตนมั่นใจว่าพรรคทำได้ในหลายมิติ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ส่วนที่พรรค เคยประสบปัญหาเรื่องนโยบายจำนำข้าว นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้ความสำคัญเรื่องเงินสุทธิที่จะเข้ากระเป๋าชาวนา เรื่องการจำนำข้าวเป็นเรื่องของราคาอย่างเดียว นโยบายของพรรคเป็นนโยบายโดยรวมเพื่อให้ชาวนามีเงินในกระเป๋า หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วจะสูงกว่าเดิมถึง 3 เท่า คงไม่ใช่แค่เรื่องจำนำข้าวอย่างเดียว
เมื่อถามถึงพื้นที่อ.ผักไห่ เป็นพื้นที่รับน้ำและที่ผ่านมารับน้ำนานถึง 4 เดือน พรรคมีแนวทางแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างไร เพื่อให้มีการระบายน้ำในพื้นที่ได้เร็วขึ้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูข้อมูลทางภูมิศาสตร์ทั้งระบบ ว่าทำไมถึงเป็นพื้นที่รับน้ำและรับน้ำนานถึง 4 เดือน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดก่อน แต่แน่นอนว่าพื้นที่ที่เดือดร้อนต้องมีวิธีการบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน
เมื่อถามถึงเปิดนโยบายอีก 4 นโยบายใหญ่ของพรรคที่วางไว้จะเปิดวันที่ 17 มี.ค. นายเศรษฐา กล่าวว่าขอให้รอดู เราจะมีการประกาศนโยบายใหญ่ ซึ่งจะเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้มโหฬาร
ส่วนที่นายเศรษฐาโอนหุ้นและขายหุ้นเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในทางการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนได้โอนหุ้นให้ลูกสาวซึ่งบรรลุนิติภาวะเรียบร้อยแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าสู่การเมือง โดยไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวหรือประโยชน์ของบริษัทมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งผู้ที่รับก็จะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายเศรษฐา ได้นั่งจับเข่าพูดคุยรับฟังปัญหากับพี่น้องชาวนาบนรถอีแต๊กกลางทุ่งนา และล้อมวงรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันอย่างเป็นกันเอง โดยเป็นเมนูข้าวแกงและขนมจีนน้ำยา ซึ่งนายเศรษฐา บอกว่า เป็นกับข้าวถูกปากและอร่อยดี