บรรยากาศทำเนียบรัฐบาลวันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีการนัด นายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และน.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ขึ้นหารือบนตึกไทยคู่ฟ้า
โดยนายเสริมศักดิ์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี นัดมาคุยเรื่องงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งตนเองได้ทำการบ้านมาแล้วส่วนหนึ่ง เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีโปรแกรมงานอยู่แล้วเพื่อให้ทำได้อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งวันนี้มาเพื่อขอรับทราบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคม มารับทราบนโยบายด้วย
ซึ่งการมาทำงานตรงนี้น่าจะทำได้ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นฐานของคำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ และนำคุณค่ามาต่อยอด สร้างงาน สร้างอาชีพ ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง และสุดท้ายมุ่งส่งเสริมให้การท่องเที่ยวมากที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ มีงานทำ มีอาชีพ พร้อมยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดัน และภูมิใจที่นายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจว่าสามารถทำงานได้
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยเปิดเผยว่า มาดูสถานที่ห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ย้ายไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาสุข
โดยนายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ยังไม่มีการแบ่งงานในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ส่วนจะได้กำกับดูแลกระทรวงอะไรหรือไม่นั้น ขอให้รอนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่เหมาะที่จะพูดไปก่อน ซึ่งหากพูดไปก่อนก็คงไม่ดี พร้อมปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ดูโครงการโคแสนล้าน
เมื่อถามย้ำว่ารู้แล้วใช่หรือไม่จะได้กำกับกระทรวงอะไรบ้าง แต่ไม่สามารถพูดได้ นายสุริยะ ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยแบบคร่าวๆ แต่หากไม่ถึงวันก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าตนสามารถบริหารจัดการเวลาในการทำงานระหว่างตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ โดยส่วนใหญ่จะเข้ากระทรวงคมนาคม เป็นหลักประมาณ 80%
ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการลาออกของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ จะมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ตำแหน่งทางการเมืองก็มีทั้งคนเข้า และคนออก
ซึ่งตนขอส่งกำลังใจให้กับรัฐมนตรีที่ไม่ได้รับตำแหน่งในครั้งนี้ และการเป็นนักการเมืองต้องยอมรับสภาพ ในสิ่งที่เราได้รับมอบหมายงาน แต่สาระสำคัญคือการทำหน้าที่เพื่อประชาชน ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ซึ่งทุกคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยก็จะต้องร่วมไม้ร่วมมือกับรัฐบาล และคนที่เป็นสส.ก็จะต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ส่วนกรณีนายปานปรีย์
ตนก็เคารพการตัดสินใจ และพรรคเพื่อไทย ในความเป็นสถาบันทางการเมือง เรายึดในตัวอุดมการณ์ของพรรคและตัวบุคคล ซึ่งสมาชิกพรรคก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลตนก็ทราบว่า นายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศคนใหม่แล้ว ดังนั้นเข้าใจว่าคนที่ออกไปและคนที่เข้ามาใหม่ ก็ทุ่มเทการทำงานให้กับรัฐบาลและประชาชน
ส่วนนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาแสดงความยินดีกับนายสุริยะ หลังได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทยที่ถูกปลดทั้งๆที่เป็นกำลังสำคัญของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ว่า “หมอชลน่าน” เป็นนักการเมืองมาอย่างยาวนาน มาเจอบรรยากาศแบบนี้
ตนเชื่อว่า เขาเข้าใจได้ แล้ววันหนึ่งอาจจะได้กลับมาทำหน้าที่อีก เพราะตนกับหมอเป็นนักการเมืองรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยมีไม่มาก ที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อให้กำลังใจเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ แต่คนที่เข้ามาเป็นผู้บริหารแล้วเจอวิกฤต มันก็อาจน้อยใจบ้าง อาจเสียใจบ้าง เพราะในเชิงการเมือง มันคือ สมบัติผลัดกันชม คนที่มาเล่นการเมืองทุกคนก็มีเป้า ที่จะเป็นเสนาบดีกันทั้งหมด
ถามว่าอยากเป็นไหม เราก็อยากเห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงค์เหมือนกัน ก่อนจะย้ำว่า ตนเป็นคนสนิทกับหมอชลน่าน คนหนึ่ง แต่เขาคงยังไม่สะดวก จึงยังติดต่อไม่ได้ ส่วนคิดว่านพ.ชลน่าน จะไขก๊อกอีกหรือไม่ นายครูมานิตย์ ระบุว่า ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ตนคิดว่า คนที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านอะไรมามากมาย เขาก็คงจะทำงานให้พรรคต่อไป ยังคิดถึงพรรคอยู่แล้ว
“วันนี้ตนไม่ได้ขอฝากอะไรมาก แต่ทุกคนที่เข้ามาสู่การเมืองตรงนี้ โดยเฉพาะคนที่โดนปรับ 2-3 ท่านซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนายไชยา พรหมา หรือนพ.ชลน่าน เรายังมีหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร และหมอก็เป็นรัฐมนตรีมาถึง 2 รอบแล้ว ตนคิดว่าคุณหมอเองก็เป็นนักการเมืองอาชีพไปแล้ว มาอยู่พรรคการเมือง 24- 25 ปีแล้ว ต้องทนรับในเรื่องราวเหล่านี้ ผมเชื่อแบบนั้น