นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์ก สำนักข่าวจากสหราชอาณาจักร ถึงนโยบายกัญชาของไทยภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ โดยกล่าวว่าหลังจากนี้จะมีการควบคุมกัญชาให้ใช้ได้ในทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ให้ใช้เพื่อการผ่อนคลายหรือนันทนาการส่วนตัว

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้มีการตกลงกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรคแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ต้องแก้ไขกฎหมายให้ใช้กัญชาได้เฉพาะในทางการแพทย์เพราะที่ผ่านมาไทยเผชิญกับปัญหายาเสพติดที่ระบาดในวงกว้าง

ผู้สื่อข่าวของบลูมเบิร์กถามอีกว่าจะพอมีวิธีไหนบ้างที่จะมาเจอกันตรงกลางให้กับการใช้กัญชาในทางการแพทย์และการใช้เพื่อการผ่อนคลายส่วนตัว

นายเศรษฐารีบตัดบทและตอบว่า “It would be regulated for medical use.” (จะออกกฎหมายให้ใช้ในทางการแพทย์)

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า “How about for leisure use?” (แล้วใช้เพื่อผ่อนคลายล่ะ)

“NO!” (ไม่!) นายเศรษฐาสวนกลับ 

คลิปนี้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นที่หลากหลาย บางคนรู้สึกว่าไทยจะไม่ใช่สวรรค์ของกัญชาอีกต่อไป ขณะที่ความเห็นหนึ่งมองว่าไทยเพิ่งจะมาแก้กฎหมายตอนที่รู้ถึงโทษของกัญชา

นอกจากนี้ ยังมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจได้เห็นการลักลอบนำเข้ากัญชาหนักกว่าเดิม และอาจเป็นช่องทางทำเงินแบบผิดกฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่

ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่ในภาวะที่หลายฝ่ายเรียกว่าเกือบเสรีกัญชา เพราะหลังจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ขณะนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการ ปลดกัญชาจากบัญชียาเสพติดยกเว้นดอกกัญชา ทำให้การปลูก การจำหน่าย และการเสพ แทบไร้ข้อจำกัดทางกฎหมาย

แม้ต่อมามีการขึ้นบัญชีกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม ที่ไม่ให้ผู้ที่อายุน้อยกว่า 18 ปี เข้าถึง แต่ร้านกัญชาและอาหารสูตรกัญชาต่างเกิดขึ้นแล้วจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามรายละเอียดของการควบคุมกัญชาดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนหรือเปิดเผยต่อสื่อมวลชน จึงยังไม่ทราบว่าจะสร้างผลกระทบให้เกษตรกรผู้ปลูกกัญชาและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมากเพียงใด

ส่วนสถิติผู้ขึ้นทะเบียนขอปลูกกัญชาและกัญชงหลังการปลดกัญชาจากบัญชียาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันปลูกกัญฯ ระบุว่า มีผู้ขอขึ้นทะเบียนกว่า 957,000 ราย เมื่อเดือน ก.ค. 2565