สำหรับคุณผู้หญิง ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอดกะปริดกะปรอย หรือมากกว่าปกติก็คงจะตกใจไม่น้อย และอาจพาลคิดไปว่าเป็นมะเร็ง ซึ่งไม่เสมอไป เพราะเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดเกิดได้หลายสาเหตุ เพื่อความเข้าใจมารู้จักกับเลือดประจำเดือนปกติกันก่อน
เลือดประจำเดือนคืออะไร
รศ.นพ.พีรพงศ์ อินทศร ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ระบุว่า เลือดที่ออกจากช่องคลอดของคุณผู้หญิงทุกๆ 21-35 วัน ปกติจะมาครั้งละไม่เกิน 7 วัน และใช้ผ้าอนามัยวันละประมาณ 3-4 แผ่น บางคนจะเรียกเลือดนี้ว่า “เมนส์” โดยทั่วไปเด็กผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 12-13 ปี และจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเมื่ออายุประมาณ 45-55 ปี
สาเหตุเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ
สาเหตุเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ได้แก่
- ถ้าเป็นผู้หญิงอายุน้อย มีเพศสัมพันธ์แล้ว ไม่ได้คุมกำเนิด อาจเกิดจากการตั้งครรภ์แล้วมีภาวะแทรกซ้อน เช่น แท้งบุตร
- ผู้หญิงบางคนอาจไปกินยาบางอย่างที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง เช่น กวาวเครือ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติได้
- ผู้หญิงในวัยที่เพิ่งเริ่มมีประจำเดือน เช่น อายุ 13 ปี หรือวัยใกล้หมดประจำเดือน เช่น อายุ 49 ปี มักมีภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ
- ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะเครียด เช่น ใกล้สอบ นอนดึก ทะเลาะกับแฟน ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีฮอร์โมนแปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติ
- การติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น ปากมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูก ก็สามารถทำให้เกิดแผลแล้วมีเลือดออกได้
และสาเหตุสำคัญสุดท้ายที่น่ากลัวที่สุด คือ มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์สตรี เช่น มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกผิดปกติในผู้หญิงที่พบได้บ่อยเช่นกัน
อาการเลือดออกผิดปกติที่เกิดจากมะเร็ง
ถ้าคุณผู้หญิงมีอาการต่อไปนี้ นั่นคือสัญญาณอันตรายที่เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเกิดจากมะเร็ง
- มีเลือดออกจากช่องคลอดกะปริดกะปรอย เช่น มีเลือดออกทุกวันหรือวันเว้นวัน
- มีรอบประจำเดือนที่เร็วกว่าทุก 21 วัน เช่น รอบนี้มาวันที่ 1 มกราคม 2551 รอบถัดไป มาวันที่ 19 มกราคม 2551
- มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน เช่น รอบนี้เริ่มมาวันที่ 1 มกราคม 2551 มาทั้งหมด 4 วัน รอบถัดไปเริ่มมาวันที่ 30 มกราคม 2551 มาทั้งหมด 4 วัน แต่ในวันที่ 15 มกราคม 2551 มีเลือดออก เปื้อนกางเกงใน
- มีเลือดออกจากช่องคลอดปริมาณมากเป็นก้อนๆ หรือใช้ผ้าอนามัยมากกว่าวันละ 5 แผ่น
- มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
- มีเลือดออกหลังจากเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนไปแล้ว เช่น คุณป้าวัย 55 ปี หมดประจำเดือนไป 3 ปี แล้วมีเลือดออกจากช่องคลอดอีก
แพทย์จะให้การรักษาอาการเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติอย่างไร
คุณผู้หญิงที่มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อตรวจหาสาเหตุ โดยทั่วไปแพทย์จะซักถามประวัติผู้ป่วยในช่วงนี้ เช่น ประวัติการกินยา การคุมกำเนิด หลังจากนั้นก็จะทำการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น วัดไข้ ความดันโลหิต และขออนุญาตตรวจภายในและตรวจหามะเร็งปากมดลูกไปพร้อมกัน ซึ่งไม่ยุ่งยากและไม่เจ็บ โดยคุณผู้หญิงจะขึ้นนอนบนเตียงในท่าตั้งเข่า แพทย์จะสอดเครื่องมือเล็กๆ เข้าไปในช่องคลอด เพื่อเก็บน้ำในช่องคลอดไปตรวจหามะเร็งปากมดลูก จากนั้นจะใส่นิ้วมือเข้าไปในช่องคลอดอย่างนิ่มนวล เพื่อคลำหาว่ามีเนื้องอกหรือสิ่งผิดปกติหรือไม่ โดยการตรวจนั้นทำในห้องที่มิดชิด มีแพทย์เป็นผู้ตรวจและนางพยาบาลอยู่เป็นเพื่อนผู้รับการตรวจ โดยใช้เวลาตรวจไม่เกิน 5 นาที
แต่ถ้าแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุของเลือดออกผิดปกติที่แน่ชัดได้ ก็อาจจำเป็นต้องขอส่งตรวจวิธีพิเศษ เช่น ตรวจเลือด ตรวจอัลตราซาวน์ด หรือถ้าจำเป็นจริงๆ แพทย์ก็อาจขอขูดมดลูกเพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจวินิจฉัยหาเซลล์มะเร็งต่อไป
วิธีป้องกันอาการเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ
หากสุขภาพแข็งแรง ก็จะส่งผลให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายเป็นเป็นปกติ ดังนั้นคุณผู้หญิงควรหันมาใส่ใจในเรื่องอาหารการกิน กินให้ครบ 5 หมู่ ไม่กินยาใดๆ โดยไม่จำเป็น ยิ่งยาที่โฆษณาว่าบำรุงผิวพรรณช่วยให้เลือดฝาดดี อีกทั้งหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รักษาอารมณ์ให้แจ่มใส และสุดท้ายผู้หญิงทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือผู้หญิงโสดที่มีอายุเกินกว่า 35 ปี ทุกคน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจภายในประจำปีและตรวจหามะเร็งปากมดลูก แม้ว่าจะยังไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ก็ตาม โดยคุณผู้หญิงจะต้องเลือกไปพบแพทย์ในวันที่ไม่มีประจำเดือน งดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 7 วัน และไม่ต้องสวนล้างช่องคลอดก่อนพบแพทย์
การตรวจภายในประจำทุกปีในขณะที่คุณผู้หญิงยังไม่มีอาการผิดปกติ นับว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็งในสตรี เนื่องจากแพทย์จะสามารถตรวจหาโรคในระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีอาการและสามารถรักษาให้หายได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ทีเดียว