เลือกตั้ง 2566 ห้ามชู 3 นิ้ว! ทนายแจม พรรคก้าวไกล ถึงกับงง

Home » เลือกตั้ง 2566 ห้ามชู 3 นิ้ว! ทนายแจม พรรคก้าวไกล ถึงกับงง

เลือกตั้ง 2566 ทนายแจม ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ยืดหยัดได้เบอร์ 3 ก็ต้องชู 3 นิ้ว หลังเจอตำรวจห้ามชูสามนิ้ว อ้าง “เขตทหารและเขตพระราชฐาน”

สืบเนื่องจากกระแส เลือกตั้ง 2566 เมื่อวานนี้ (7 เม.ย. 66) ที่ทนายแจม ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 11 (เขตสายไหม ยกเว้นแขวงออเงิน) จากพรรคก้าวไกล เบอร์ 3 ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ – ทนายแจม – Sasinan Thamnithinan โดยระบุข้อความว่า พี่ตำรวจที่อยู่ในป้อม บอกน้องในทีมว่า “ขอความร่วมมือผู้สมัคร ไม่ให้ชูสามนิ้ว เพราะเป็นเขตทหารและเขตพระราชฐาน” ก็ขออภัยจริงๆ พอดีจับได้เบอร์สามค่ะ หลักจากโพสต์ทำให้เกิดกระแสในโลกโซเชียลเป็ยอยากมาก

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนใหญ่ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างแพร่หลาย และล่าสุด เพจ Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์) นั้นได้ออกมาบอกเล่าถึงความรู้สึกของ ทนายแจม เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทนายแจมนั้น ชี้ชัดชัดและยืดหยัดในวิธีการ การหาเสียง โดยกล่าวว่า

เลือกตั้ง2566 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ธนาธร พรรคก้าวไกล เปิดนโยบายแบบนี้

พิธา พอใจ พรรคก้าวไกล ได้เบอร์ 31 หวั่นคนสับสน เดินหน้าหาเสียงด้วยวิธีนี้

หมายเลข ส.ส. พรรคก้าวไกล ทิม พิธา ได้เบอร์ 31 พร้อมเดินหน้าสู้ศึก เลือกตั้ง66

ทนายแจมเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ปราศรัยหาเสียงพร้อมชูสามนิ้วเพื่อสื่อถึงเบอร์ 3 มีตำรวจนายหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในป้อมตำรวจแยก คปอ. ได้ขอความร่วมมือผ่านทีมงานของตนว่าไม่อยากให้ชู 3 นิ้ว เพราะบริเวณนั้นเป็นเขตพระราชฐาน อาจถูกตีความว่าเกี่ยวข้องกับการชุมนุม อีกทั้งอ้างว่าตนไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่

แยก คปอ. เป็นพื้นที่ที่ระยะเวลาติดไฟแดงนานเมื่อเทียบกับแยกอื่นๆ ทำให้มีเวลาแนะนำตัวและสื่อสารนโยบายต่อประชาชนเต็มที่ ที่ผ่านมาประชาชนให้การตอบรับดี บางคนอยู่ในรถก็เปิดกระจกฟังเรา บางคนถ่ายคลิป บางคนชูสามนิ้วให้กำลังใจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่เดินทางผ่านบริเวณนั้นเพื่อไปทำงาน ก็ชูสามนิ้วด้วย

“ทหารบางคนเมื่อทราบข่าวว่าตนถูกขอความร่วมมือไม่ให้ชูสามนิ้ว ก็ส่งข้อความมาให้กำลังใจ บอกว่าพวกเขาสนับสนุนนโยบายของพรรคก้าวไกลในการปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะการเพิ่มความคุ้มครองแก่ทหารชั้นผู้น้อยใน 3 ด้านคือ สิทธิมนุษยชน สวัสดิการ และความก้าวหน้าทางอาชีพ เพราะเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะทำให้คุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพในภาพรวมด้วย”