เลิศศักดิ์อัด โครงการประปาปทุม-รังสิต สุดอัปยศ บิ๊กป๊อกโต้ความเท็จ

Home » เลิศศักดิ์อัด โครงการประปาปทุม-รังสิต สุดอัปยศ บิ๊กป๊อกโต้ความเท็จ



เลิศศักดิ์อัด โครงการประปาภูมิภาค ปทุม-รังสิต สุดอัปยศ ทำรัฐเสี่ยงเสียหาย 3 หมื่นล้านบาท ด้านบิ๊กป๊อกลุกโต้ ไม่เป็นความจริง ย้ำไม่คิดเปลี่ยนสัญญา

วันที่ 20 ก.ค.2565 นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดยกล่าวหาในฐานะกำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ตามพ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 และพ.ร.บ.การประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ.2522 เกี่ยวกับโครงการเอกชนร่วมลงทุนน้ำประปาปทุมธานี – รังสิต ซึ่งรัฐมีความเสี่ยงที่จะเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท

โดยพฤติกรรมความผิดของพล.อ.อนุพงษ์ ไม่ซื่อสัตย์ ไม่รอบคอบ ในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ ละเว้น และเพิกเฉยต่อการทุจริตภาครัฐ โดยเอื้อผลประโยชน์แก่ตัวเองและพวกพ้อง เกี่ยวกับมหากาพย์การโกง ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดจัดฉากเอื้อประโยชน์เอกชนเพียงรายเดียว ในการต่อสัญญาโครงการน้ำประปาปทุมธานี – รังสิต ไปอีก 20 ปี ขาข้างหนึ่งของท่านอยู่ในคุกแล้ว

ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ถ้าท่านยังไม่ยับยั้งกระบวนการดังกล่าว ท่านจะถูกกล่าวหาว่ากินแม้กระทั่งน้ำประปา

นายเลิศศักดิ์ กล่าวต่อว่า เริ่มจากเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2538 มีการทำสัญญาให้เอกชนผลิต และจำหน่ายน้ำประปาให้กปภ. สัญญานี้เรียกว่า Boot โดยให้สิทธิเอกชนออกแบบ ผลิต และจำหน่ายน้ำประปา เมื่อครบกำหนดสัญญา ทรัพสินทั้งหมดจะตกเป็นของกปภ. ในสัญญาเอกชนจะเริ่มขายน้ำวันที่ 15 ต.ค.2541 สิ้นสุดวันที่ 14 ต.ค.2566 คือเหลืออีก 1 ปีเศษจะครบสัญญา 25 ปี

ทั้งนี้ ในสัญญาระบุว่ากปภ.ต้องซื้อน้ำ 2.2 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน เริ่ม 7.9 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ราคาซื้อขายปรับขึ้นได้ทุกปีตามดัชนีผู้บริโภค ปัจจุบันกปภ.ต้องซื้อน้ำจากเอกชน 3.5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในราคา 12.73 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร เปรียบเทียบระหว่างกปภ.ที่ผลิตน้ำประปาขายทั่วประเทศยกเว้นพื้นที่กทม. กับเอกชนรายเดียวที่ผลิต และขายเพียงพื้นที่ปทุมธานี จะเห็นว่ามีกำไรต่อเนื่องทุกปี

ขณะที่ผลตอบแทนของกปภ.ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ กำไรที่รัฐควรจะได้ตกอยู่ในมือของเอกชนเพียงรายเดียว

นายเลิศศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อสิ้นสุดสัญญาวันที่ 14 ต.ค.2566 เอกชนจะต้องส่งมอบทรัพย์สินทั้งหมดคืนกปภ. ถ้าพล.อ.อนุพงษ์ ซื่อสัตย์ต้องปฏิบัติโดยยึดหลักกฎหมายเป็นสาระสำคัญ และยึดหลักความคุ้มค่า ซึ่งพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 มาตรา 49 ระบุชัดเจนเรื่องวิธีขั้นตอนปฏิบัติ ภายหลังจากโครงการหรือสัญญาร่วมทุนสิ้นสุดลง ให้กปภ.ดำเนินการบริหารจัดการเองหรือเปิดประมูลตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่งผู้ว่าฯกปภ. ได้ดำเนินการตามบทบัญญัตินี้ครบถ้วน

โดยก่อนหมดสัญญา 5 ปี กปภ.ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งบอร์ดกปภ. เห็นชอบในแนวให้กปภ.ดำเนินการเอง เพราะเป็นวิธีการที่คุ้มค่ามากที่สุด

รมว.มหาดไทย จะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เนื่องจากมีหลักฐานระบุชัดเจนว่าท่านเห็นชอบ และการดำเนินการทางกฎหมายได้สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งทราบว่ากปภ. ได้ตั้งกองโรงงานผลิต และแผนผังบุคลากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายเลิศศักดิ์ กล่าวด้วยว่า แต่วันที่ 28 ต.ค.2563 นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย ในฐานะประธานบอร์ดกปภ.ในขณะนั้น ที่เห็นชอบแนวทางให้ดำเนินการเอง ได้ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้องค์ประกอบบอร์ดไม่ครบ ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ตนสงสัยว่ามีใบสั่งอะไรหรือไม่ เป็นการลาออกเพื่อเปิดทางอะไรหรือไม่ จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ ตั้งบอร์ดชุดใหม่เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรับไม้ต่อออกมติอัปยศปล้นกปภ. ต่อสัญญาซื้อน้ำประปาเอกชนรายเดิมอีก 20 ปี

เป็นที่น่าสังเกตว่าบอร์ดกปภ.ชุดใหม่ มีมติโดยอ้างอิงผลการเจรจาเอกชนเท่านั้น โดยทุกกระบวนการไปสู่การพิจารณาของพล.อ.อนุพงษ์ ท่านจึงเป็นเพลเมกเกอร์ของเรื่องนี้โดยตรง

โครงการนี้เอกชนใหญ่จริง ข้าราชการระดับสูงต้องยอมสยบ มีมือดีคอยเคลียร์ให้ปลอดโปร่งตลอดเส้นทาง ในสัญญาอัปยศนี้ให้เอกชนปรับราคาค่าน้ำที่ขายให้กปภ. ขึ้นได้ทุกปี ตามดัชนีผู้บริโภค ภายหลังกปภ.อาจจำเป็นต้องซื้อในราคาที่สูงได้ พล.อ.อนุพงษ์อยากให้กปภ. เป็นเพียงนายหน้าซื้อขายอย่างนั้นหรือ

ทั้งที่ศักยภาพของกปภ.ทำได้มากกว่านี้ ถ้าพล.อ.อนุพงษ์ กำกับให้กปภ.ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดรายได้ 3 หมื่นกว่าล้านบาท จะตกอยู่กับกปภ. ดังนั้น ท่านต้องรับผิดชอบผลแห่งการกระทำของท่าน

ด้านพล.อ.อนุพงษ์ชี้แจงว่า การประปาส่วนภูมิภาค ดำเนินโครงการขยายประปา ปทุมธานี-รังสิต เป็นไปตามที่ผู้อภิปรายฯยกขึ้นมา ยืนยันว่าตนยังไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงการกระทำตามสัญญานี่เลยล้านเปอร์เซ็น แต่ตนยังเห็นชอบให้การประปากระะทำเองเมื่อสิ้นสุดสัญญาโครงการนี้ที่ผ่านมาซื้อประปาแพงแล้วไปขายถูก

เพราะฉะนั้นตนจึงไม่เห็นชอบแน่นอน ถ้าเขาส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ตนก็จะตามไปต่อต้านที่นั่น และจะไม่มีการนำเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะนั้นโครงการนี้ไม่มีการให้ต่อสัญญาแน่นอน เพราะฉะนั้นการประปา และสหภาพ เตรียมตัวรับสถานการณ์ที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ได้

ดังนั้นจะมากล่าว หาว่าตนไม่ทำไม่ได้ หรือกล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจนั้นเป็นเท็จหมด และตราบใดที่ตนมีอำนาจหน้าที่ ตนก็จะไม่เห็นชอบ และไม่ให้เกิดขึ้นแน่นอน

ส่วนเรื่องบอร์ดนั้น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวง ไปเป็นบอร์ดการไฟฟ้า จึงต้องออกจากบอร์ดการประปา ไม่ใช่มีใครจะเปลี่ยนได้ ส่วนอัยการนั้นคงต้องถามเอง เพราะเป็นหน่วยงานของเขา ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ต้องกังวลไม่มีแน่นอน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ