สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า หุ้นของบริษัท SK Inc. ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทแชโบลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเกาหลีใต้ รองจาก ซัมซุง พุ่งขึ้นสูงสุดถึง 16% ระหว่างการซื้อขายในวันนี้ (30 พ.ค.) ก่อนจะปิดตลาดบวกไป 9% โดยคาดว่าเป็นการตอบรับข่าวดีที่ศาลมีคำตัดสินให้ประธานบริษัทเอสเคจ่ายค่าเลี้ยงดู และแบ่งสินสมรส “น้อยลง” ในคดีฟ้องหย่าที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้
คดีหย่าร้างที่อื้อฉาวที่สุดคดีหนึ่งในเกาหลีใต้ ระหว่าง “ชเว แท วอน” ประธานบริษัท SK Inc. กับ “โน โซ ยอง” บุตรสาวอดีตประธานาธิบดี โน แท อู แห่งเกาหลีใต้ เริ่มขึ้นในปี 2556 เมื่อชเวยอมรับกับสื่อว่า มีลูกนอกสมรส และได้ยื่นเรื่องขอหย่าภรรยาในปี 2558 ทั้งคู่พยายามเจรจากัน แต่ตกลงแบ่งสินสมรสไม่ได้ จนภรรยายื่นฟ้องหย่าในปี 2561
มีรายงานว่า ฝ่ายหญิงร้องขอการแบ่งสินสมรส ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ และหุ้นจำนวนหนึ่งของบริษัทเอสเค คิดเป็นมูลค่าถึง 2 ล้านล้านวอน โดยอ้างว่า อดีตประธานาธิบดีโน ซึ่งเป็นบิดาของฝ่ายหญิง เคยให้ทุนก้อนใหญ่กับชเวในช่วงทศวรรษ 90 ซึ่งช่วยทำให้กิจการของเอสเคเติบใหญ่ มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในคำตัดสินล่าสุดวันนี้ ศาลมีคำสั่งให้ฝ่ายชายแบ่งสินสมรสเป็นจำนวน 1.38 ล้านล้านวอน (เกือบ 3.7 หมื่นล้านบาท) หรือน้อยกว่าที่ฝ่ายหญิงร้องขอก้อนหนึ่งมาก ซึ่งคาดว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นของ SK ดีดตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในวันนี้
ทั้งนี้ แม้ว่าศาลจะตัดสินให้ประธานเอสเคจ่ายน้อยลง แต่ก็ยังคงถือเป็นคดีการหย่าร้างที่ทำสถิติแพงที่สุดในเกาหลีใต้ เฉือนลำดับ 2 ในคดีของ “ซัมซุง” แชโบลเบอร์ 1 ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการฟ้องหย่าระหว่างบุตรสาวของผู้ก่อตั้งซัมซุง และสามีที่เป็นอดีตบอดี้การ์ด เมื่อปี 2557
โดยในครั้งนั้น อดีตสามีได้ยื่นฟ้องแบ่งสมบัติ 1.2 ล้านล้านวอน (กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ) จากทรัพย์สินที่มีทั้งหมด 2.5 ล้านล้านวอน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการฟ้องคดีสินสมรสที่มีวงเงินสูงสุด เท่าที่เคยมีมาของเกาหลีใต้ในขณะนั้น