เมื่อเวลาประมาณ 07:15 น. ของวันที่ 5 ก.ค. 67 เจ้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งเหตุหญิงชราวัย 72 ปี ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บบริเวณใบหน้า นอกจากนี้ยังถูกมัดมือมัดเท้า และมีผ้าปิดปาก ที่เกิดเหตุภายใน ซอยฟาร์มวัฒนา ชุมชน ภูมิจิตร ถนนพระราม4 ต่อมาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ประสานเจ้าที่ตำรวจสน.คลองตันเข้าสนับสนุนที่เกิดเหตุและนำตัวผู้เสียหายมาแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรอสอบปากคำเพิ่มเติมและส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อประกอบสำนวนในคดี
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ยังซอยฟาร์มวัฒนาชุมชนภูมิจิตร ได้พูดคุยกับ นายแบ๋ม ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือหญิงชราคนดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาประมาณ 6 โมงต้นได้พบกับหญิงชราดังกล่าว ที่ออกมาเปิดร้านขายของ
ต่อมาเมื่อเวลา 07:00 น. ตนได้มาเรียกหญิงชราดังกล่าว โดยปกติเรียกสองสามครั้งผู้เสียหายก็จะออกมาแล้ว กระทั่งตนเรียกหลายครั้งและผู้เสียหายไม่ออกมาตนรู้สึกผิดสังเกต คิดว่าผู้เสียหายนั้นไม่สบายเพราะมีอายุมากแล้ว จึงเรียกผู้หญิงที่อยู่ละแวกบ้านของผู้เสียหายให้ช่วยขึ้นไปดูด้วยกัน เมื่อขึ้นไปถึงก็พบว่าหญิงชราคนดังกล่าวนั้น ถูกผ้าเทปมัดมือเท้าและปากอยู่และไม่สวมกางเกงท่อนล่าง จากนั้นตนจึงช่วยแกะผ้าเทปหญิงชรา และประสานเจ้าที่ช่วยเหลือ
ทางด้าน พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณตี 5 กว่า เกือบ 6 โมง คนร้ายได้เข้ามาในร้านทำทีเป็นซื้อของ ก่อนจะขึ้นไปแอบบนชั้น 2 ของบ้าน โดยที่คุณยายไม่รู้ตัว เมื่อคุณยายขึ้นไปที่ชั้น 2 ก็ถูกคนร้ายจับตัว และผลักลงเตียง จากนั้นใช้เทปกาวมัดแขน มัดขา ปิดปาก และต่อยเข้าบริเวณใบหน้า ก่อนปลดสร้อยคอพระ มูลค่า 5 พันบาทไป
ต่อมา เวลาประมาณ 10:15 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ได้นำตัวยายรักผู้เสียหาย เข้ามาตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในบ้านพัก โดยทีมข่าวพยายามสอบถามยายรักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยายรักได้เปิดเผยว่า ถูกคนร้ายบุกเข้ามา พยายามลักทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย
โดยตัวของผู้ก่อเหตุได้เข้ามาเอาผ้าอุดบริเวณใบหน้าหลังจากนั้นก็ใช้เทปพันที่บริเวณข้อมือ และใบหน้าของตน หลังจากนั้นก็ได้ใช้ มือทุบเข้าที่ข้างหลังของตน และพูดว่าให้ตนเงียบ พร้อมกับบอกว่าต้องการเงิน ตนเองจึงบอกว่าถ้าต้องการเงินให้ลงที่บริเวณชั้นล่าง และถ้าอยากได้อะไรก็ให้เอาไปได้เลย แต่คนร้ายกลับไม่ลงไป และกลับพยายามทำร้ายตนเอง
ตอนนั้นไม่รู้ว่าคนร้ายพยายามจะข่มขืนตนเองหรือไม่ เพราะหลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้วตนเองพบว่ามีคราบอสุจิของผู้ก่อเหตุติดอยู่ที่ร่างกายของตน ยอมรับว่าในตอนนั้นตนเองเหมือนจะขาดใจตาย ถ้าหากไม่มีคนเข้าไปช่วยเหลือ คาดว่าตนเองน่าจะเสียชีวิต
เมื่อทีมข่าวสอบถามว่าผู้เสียหายเคยรู้จักกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ คุณยาย เล่าต่อว่า เคยเห็นเดินเก็บของเก่าอยู่บริเวณในซอย แต่ไม่เคยพูดคุยกัน เพราะในซอยแห่งนี้จะมีคนเร่ร่อนอยู่จำนวนหลายคน ที่เดินไปมาอยู่ตลอด