เร่งตามช่วยลูกเสือโคร่งกว่า 20 ตัว ขบวนค้าสัตว์ป่า ซุกประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมทำเมนูเด็ด 

Home » เร่งตามช่วยลูกเสือโคร่งกว่า 20 ตัว ขบวนค้าสัตว์ป่า ซุกประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมทำเมนูเด็ด 


เร่งตามช่วยลูกเสือโคร่งกว่า 20 ตัว ขบวนค้าสัตว์ป่า ซุกประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมทำเมนูเด็ด 

อุบลราชธานี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 เร่งติดตามลูกเสือโคร่งกว่า 20 ตัว คาดเกิดจากพ่อแม่เสือฟาร์มเลี้ยงในไทย กลุ่มค้าสัตว์ป่านำไปพักประเทศเพื่อนบ้าน ทำเมนูเด็ด

18 ธ.ค. 65 – ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี นำลูกเสือโคร่ง 4 ตัว ซึ่งเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ข้ามโขง ข้ามแดน สะหวัน และมุกดา ซึ่งเป็นดาวเด่นของการจัดงานวันอนุรักษ์สัตว์ป่าโชว์ให้นักท่องเที่ยวที่พาลูกหลานเข้าร่วมงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติประจำปีนี้ชมอย่างใกล้ชิด

สำหรับลูกเสือโคร่งทั้ง 4 ตัว เป็นเพศ เมีย 2 ตัว เพศผู้ 2 ตัว เจ้าหน้าที่ยึดได้จากขบวนการค้าสัตว์ป่าที่นำไปพักไว้ในประเทศ สปป.ลาว ก่อนนำกลับเข้าประเทศมาขายให้เจ้าหน้าที่ที่จังหวัดมุกดาหารเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ราคา 2 ล้านบาท ขณะนั้นลูกเสืออายุประมาณ 2 เดือน มีสภาพอิดโรยน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติไม่ถึง 3 กิโลกรัม

หลังยึดลูกเสือได้นำมาฟื้นฟูสภาพร่างกายที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี ทำให้ขณะนี้ ลูกเสือทั้ง 4 ตัว มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์คือ เฉลี่ยตัวละกว่า 7 กิโลกรัม ซึ่งทีมสัตว์แพทย์ที่ดูแลลูกเสือเตรียมให้เนื้อเป็นอาหารวันละ 1 มื้อสลับกับนมที่ให้อยู่ในเวลานี้

นอกจากลูกเสือที่ได้รับการอนุบาล ยังมี นางอาย ที่คนนำไปเลี้ยง เมื่อโตได้นำมาปล่อย ทำให้ นางอายตัวนี้ ถูกไฟฟ้าแรงสูงดูดจนต้องตัดแขน และขา เพื่อช่วยชีวิต ก็ได้นำมาแสดงให้นักท่องเที่ยวและเด็กๆ ดูจะได้ตระหนักถึงการนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงอย่างไม่ถูกวิธีจนเกิดอันตรายขึ้น โดยการจัดงานจะมีไปจนถึงวันที่ 19 ธ.ค.นี้

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จ.อุบลราชธานี กล่าว ถึงสถานการณ์การค้าลูกเสือ และสัตว์ป่าในพื้นที่อีสานตอนล่าง ขณะนี้ ได้ร่วมมือกับทางการประเทศลาว ติดตามลูกเสือโคร่ง 20-30 ตัว ซึ่งยังอยู่ในมือของกลุ่มค้าสัตว์ป่า ที่นำลูกเสือที่เกิดจาก พ่อแม่เสือตามฟาร์มเลี้ยงในประเทศไทย ก่อนนำออกไปพักอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อทำเป็นเนื้อตุ๋นยาจีนขายให้นักบริโภคที่นิยมกินเนื้อสัตว์ป่า

เมื่อได้ลูกเสือจะทำการตรวจ DNA เพื่อนำไปเปรียบเทียบตรงกับพ่อแม่เสือตัวใดที่อยู่ในประเทศ ก็จะทราบแหล่งที่มาของลูกเสือที่ขบวนการค้าสัตว์นำไปทำเป็นอาหาร ก็จะสามารถเอาผิดกับฟาร์มที่เลี้ยงลูกเสือเหล่านั้นได้ ซึ่งในรายของลูกเสือทั้ง 4 ตัวที่ยึดมาได้ก็อยู่ระหว่างการเปรียบเทียบหา DNA ของพ่อและแม่อยู่

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ