เรียกว่าเรื่องนี้ถูกส่งต่อในโลกโซเชียลอย่างแพร่หลาย กับกรณีของบริษัทประกันภัยรถยนต์ชื่อดัง บริษัทหนึ่ง หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งนั้นออกมาร้องเรียนว่า ยังไม่ได้รับค่าประกันหรือค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทดังกล่าวเลยแม้แต่บาทเดียว หลังจากเจ้าตัวนั้นประสบอุบัติเหตุนานกว่า 7 เดือน และสำรองค่ารักษาพยาบาลเองไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท โดยเจ้าตัวนั้นได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงการดำเนินการเรื่องเอกสาร และไทม์ไลน์ที่ตนเองนั้นได้ประสานกับทางประกัน แต่แล้วก็พบว่า ประกันยังนิ่งเฉย จึงอยากแชร์เรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ และคิดให้ดีก่อนจะซื้อประกันในบริษัทดังกล่าว โดยเจ้าตัวนั้นเล่าว่า
ประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบกรณีศึกษาที่เราโดนกับตัวเอง และเราตั้งใจจะบรรยายเรื่องนี้ทุกครั้งที่เราไปเป็นวิทยากรของทุกสถาบันการศึกษา
13 กันยายน 2565
ทุกคนคงทราบดีว่า เราได้รับอุบัติเหตุอาการสาหัสระหว่างเดินทางไปทำงาน ซึ่งได้รับการผ่าตัดใหญ่ที่โรงพยาบาล…. ส่วนคู่กรณีที่ชนเรา ท่านเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ทำประกันรถยนต์ชั้นหนึ่ง ไว้กับ…ประกันภัย ซึ่งตามรูปการณ์แล้ว ท่านก็ยอมรับผิดและบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ก็ลงว่า ฝั่งรถยนต์ของท่านเป็นฝ่ายผิด ดังนั้น ….ประกันภัยจึงต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลรวมถึงความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ระหว่างการรักษาที่ รพ. ตั้งแต่ในห้อง ICU ย้ายมาห้องของแผนกศัลยกรรม รวมถึงการทำกายภาพที่ รพ. รวมระยะเวลา 12 วันนั้น ตัวแทนจาก….ประกันภัย ได้ติดต่อมาหลังจากวันที่เราย้ายออกจาก ICU เพื่อไปอยู่ห้องพักแผนกศัลยกรรม จำนวน 1 ครั้งถ้วน โดยขอให้เราย้ายโรงพยาบาลเนื่องจากค่าใช้จ่ายอาจจะสูง เราเริ่มเอะใจ แต่ก็ยืนยันไปว่า จะไม่ขอย้าย เพราะทุกอย่างได้เริ่มต้นแผนการรักษา และเราเองก็มีประวัติการรักษาที่นี่อยู่แล้วด้วยการรักษาผ่านพ้นไปด้วยดีแหละ แต่เราออกจาก รพ. ด้วยค่าใช้จ่าย 1,018,794.50 บาท ทุกคนเชื่อมั้ยว่า เงินล้านกว่าบาทนี้แหละ เราใช้ประกันกลุ่มและส่วนตัวของเราทั้ง 4 บริษัทที่เราถืออยู่เอง แถมยังต้องจ่ายส่วนต่างอีกไม่น้อยที่ควักออกจากกระเป๋าตัวเองไปก่อน
หลังจากออกจาก รพ. เราก็มานอนเป็นผักทำอะไรเองไม่ได้อีกร่วมเดือน แล้วจึงค่อยๆ ทำกายภาพต่อ จนค่อยๆ ช่วยเหลือตัวเองได้ ช่วงนั้นจำได้ว่า ญาติสนิทมิตรสหายต้องผลัดกันมาเฝ้าอย่างใกล้ชิด ระหว่างนั้น….ประกันภัยก็ติดต่อมาอีก 1 ครั้ง เพื่อถามอาการแต่ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องการจ่ายเงินแต่อย่างใดเวลาผ่านไปจนขึ้นปีใหม่ 2566 หลังจากรวบรวมเอกสาร และน้องตัวแทนประกันของเราเองช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
- เด็ก7ขวบ หนีออกจากบ้าน เผย พ่อแม่ตีเพราะไม่ยอมล้างจาน
- ฤาษีอุดร ล่อสาวทำพิธี แจง ไม่ได้อ้าง เอ็มมี่ แม็กซิม แต่แค่พิมพ์ผิด
- GISTDA เผยตัวเลข ประกาศ! ประเทศไทยร้อนระอุ พุ่งขึ้น ถึง 4,215 จุด
16 มกราคม 2566
ได้นัดคุยกับตัวแทน…..ประกันภัยและอาจารย์คู่กรณี พร้อมกันทุกฝ่ายเพื่อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าสินไหมต่างๆ โดยที่เราได้รับทราบว่า เพดานเงินที่ประกันชั้นหนึ่งนี้สามารถจ่ายให้เราได้ สูงสุดเพียงแค่ 1 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราไม่มีประกันส่วนตัวที่เราทำไว้ ทาง….ประกันภัยจะต้องรับผิดชอบจ่ายให้เราได้เพียง 1 ล้านบาท และเราจะต้องไปเรียกเก็บกับอาจารย์คู่กรณี ในส่วนต่างเอง แต่กรณีของเรานี้ เท่ากับว่าเราเองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยการทำประกันส่วนตัวดังนั้น ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา (13 ก.ย. 65 – 16 ม.ค. 66) ….ประกันภัยก็ยังไม่ได้รับผิดชอบอะไรให้เราเลยแม้แต่บาทเดียว
เท่านั้นยังไม่พอ…ความรับผิดชอบที่บริษัทมีต่ออาจารย์คู่กรณี ก็แย่มากๆ ไปด้วย
เราได้มีการติดต่อไปทางอาจารย์คู่กรณี เพื่อสอบถามเรื่องการจ่ายค่าชดเชยและค่าสินไหมต่างๆ ทำให้เราพบว่า ทางอาจารย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามกับตัวแทนของเขาเสมอ และตัวแทนก็ได้บ่ายเบี่ยงโดยแจ้งว่า รอเอกสารจากทางเราเอง ซึ่งเราเองก็บอกอาจารย์ไปตรงๆ เลยว่า เราให้เอกสารหมดแล้ว เพื่อแสดงความชัดเจนของเรา เราได้ตั้งกลุ่มไลน์รวมทุกฝ่ายไว้ เพื่อให้ทราบว่า เราส่งเอกสารทุกอย่างไปในนี้ให้เรียบร้อย
พอเราติดตามไปอีก ก็แจ้งว่า กำลังพิจารณาเรื่องอยู่ รวมถึงหัวหน้าไม่อยู่บ้าง ตัวเองไปทำงานที่ต่างจังหวัด ไม่ได้เข้าออฟฟิศบ้าง วนไปมาแบบนี้ จนเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ
23 มีนาคม 2566
เป็นเวลา 2 เดือนกว่าๆ ตั้งแต่ส่งเอกสารทั้งหมดให้ไป เราเลยสอบถามว่า เรื่องไปถึงไหนแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมา มีการติดต่อเรามาน้อยมาก แต่คำตอบที่ตัวแทน….ประกันภัยแจ้งในไลน์ก็คือ“…ส่งเรื่องกับผู้อำนวยการแล้ว ผู้อำนวยการติดสัมมนากับคู่ค้าที่ต่างจังหวัด คาดว่าสัปดาห์คงได้รับความคืบหน้าและจะแจ้งให้ทราบ ต้องขออภัยที่อ่านและตอบข้อความล่าช้าครับ”
วันนี้ 5 เมษายน 2566
ผ่านมาเกิน 1 สัปดาห์เรียบร้อยจากปีใหม่สากล จะเข้าสู่ปีใหม่ไทยแล้วรวมส่งเอกสารไปทั้งหมด 3 เดือนแล้วถ้ารวมตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุก็ร่วม 7 เดือนแล้ว ก็ยังคงเงียบหาย ไม่รู้จะดึงเรื่องนี้ไปอีกนานแค่ไหนผู้อำนวยการยังสัมมนาอยู่หรือไม่ ???
เงินจากบริษัทของท่านที่เรายังไม่ได้รับคืนเลยซักนิดเดียว ซึ่งนอกจากจะมีค่ารักษาพยาบาลล้านกว่าบาท ที่ท่านจริงๆ จะต้องจ่ายในวันนั้น แต่ก็ไม่เคยจ่ายให้เราแล้ว ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ ตลอดเวลาที่เราเป็นผู้พิการในช่วงเวลาที่ผ่านมา ค่ากายภาพที่เราต้องควักเนื้อตัวเองจ่ายออกไป ค่าเสียโอกาสในการเป็นวิทยากรอีกตั้งหลายที่ ถ้าจะมานั่งคุยกันเอาจริงๆ มูลค่าทั้งหมดมันเกิน 1 ล้านบาทนะครับ
หากมองเป็นการลงทุนดีๆ ซักหน่อย เงินนี้จะออกดอกออกผลเท่าไหร่ในระยะเวลา 7 เดือน ดอกเบี้ยและค่าเสียโอกาสของเงินก้อนนี้ มันมีอะไรที่ซ่อนอยู่ในนั้นบ้าง ???
ซึ่งเรื่องราวที่ชายคนนี้ได้เล่าไว้นั้น ถูกแชร์ไปยังโลกโซเชียลกว่าพันครั้ง มียอดกดไลค์กว่า 2 พันและคอมเมนต์ที่กระหน่ำเข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยบางท่านนั้นคอมเมนต์ว่า ต้องให้สื่อช่วยเผยแพร่ บริษัทฯนั้นๆ จะรีบเข้ามารับผิดชอบทันที เผลอๆ ผอ. ท่านนั้น อาจยกเลิกสัมนาครั้งต่อไปเพื่อ ไปซื้อกระเช้ามาขอขมาแทน หรือบางรายก็บอกว่า คงไม่มีทางซื้อประกันกับบริษัทนี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามกันต่อไปว่าบริษัทประกัน นั้นจะออกมารับผิดชอบหรือชี้แจงอะไรหรือไม่
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY