เรืองไกร ร้องกกต. ฟัน อุ๊งอิ๊ง พ้นนายก ปมถือหุ้น – ท้าโชว์หลักฐานลาออก

Home » เรืองไกร ร้องกกต. ฟัน อุ๊งอิ๊ง พ้นนายก ปมถือหุ้น – ท้าโชว์หลักฐานลาออก

เรืองไกร อุ๊งอิ๊ง

เรืองไกร สมัครชิกพรรคพลังปรชารัฐ ท้าชน อุ๊งอิ๊ง ร้องกกต. ฟัน พ้นนายก ปมถือหุ้น 21 บริษัท พร้อมท้าให้โชว์หลักฐานลาออก มีจริงหรือไม่?

จากกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ทำหนังสือส่งถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผ่านทางไปรษณีย์อีเอ็มเอส ให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีทำหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทต่างๆ ในเครือชินวัตร 21 บริษัท เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 มีจริงหรือไม่ เพราะพบว่ามีการไปจดทะเบียนแจ้งลาออกต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 19 ส.ค. 67 หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 67 แล้ว จึงมีเหตุควรสงสัยเป็นการทำหนังสือลาออกย้อนหลังหรือไม่ ถ้า น.ส.แพทองธาร ทำหนังสือลาออกตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. จริง เหตุใดไม่ไปยื่นจดทะเบียนลาออกต่อกรมการพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งเป็นวันศุกร์ แต่ไปแจ้งจดทะเบียนวันที่ 19 ส.ค. ห่างกัน 4 วัน กกต. ควรตรวจสอบวันที่ลาออกจริงคือวันใด มีการทำเอกสารย้อนหลังหรือไม่

หากพบว่า มีการลาออกหลังวันที่ 16 ส.ค. จะมีผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 หรือไม่ ที่ห้ามรัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วน บริษัท และต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม รอให้หน่วยราชการส่งข้อมูลมาให้ จะนำมาตรวจสอบส่งให้ กกต. พิจารณา

ล่าสุดวันนี้ (30 ส.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้แสดงหลักฐานต่อสาธารณะเกี่ยวกับการลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ก่อนได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ลงนามในหนังสือลาออกทั้ง 20 บริษัท จริงหรือไม่ มีสำเนาใบลาออกที่ลงรับโดยแต่ละบริษัท โดยถูกต้องตามวันและเวลาหรือไม่

สำหรับการทำหนังสือวันนี้ มีเหตุมาจากที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2567 ถึงกระแสข่าวที่ได้ลาออกจากกรรมการบริษัท ในเครือชินวัตร จำนวน 20 บริษัท นั้นจริงหรือไม่ ว่า “ไม่แน่ใจว่าลาออกไปกี่บริษัท แต่ยืนยันว่า อะไรที่ทำแล้ว และขัดต่อกฎหมายก็ต้องดำเนินการให้หมด ซึ่งขณะนี้ทีมกฎหมายกำลังช่วยกันดำเนินการ แต่จะกี่บริษัทนั้น ไม่แน่ใจ ขอดูกฎหมายเป็นหลัก”

นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีไม่แน่ใจว่าลาออกไปกี่บริษัท ตนจึงขอคัดเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามาตรวจดู พบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ลาออกจากกรรมการบริษัทต่างๆ รวม 20 บริษัท โดยทั้ง 20 บริษัท ซึ่งทั้งหมดไปจดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ระบุตรงกันว่า “ให้แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนกรรมการของบริษัท เป็นดังนี้ กรรมการออกจากตำแหน่ง 1 คน คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และในแบบคำรับรองการจดทะเบียนบริษัทจำกัด ระบุว่า ได้มีหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 บริษัทได้รับเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567”

นายเรืองไกร กล่าวว่า การไปจดทะเบียนว่าบริษัททั้ง 20 แห่ง ได้รับหนังสือลาออกในวันเดียวกัน คือ วันที่ 15 ส.ค. นั้น จึงน่าสงสัยว่า หนังสือลาออกที่แต่ละบริษัทระบุว่าได้รับเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 จริงหรือไม่ เหตุใดจึงไปจดทะเบียนวันที่ 19 สิงหาคม 2567 จึงควรมีการนำหลักฐานมาแสดงให้ดูว่า แต่ละบริษัทได้รับหนังสือลาออกอย่างไร มีการลงเลขที่รับ และวันเวลาไว้หรือไม่

“จากคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่า “อะไรที่ทำแล้ว และขัดต่อกฎหมายก็ต้องดำเนินการให้หมด ซึ่งขณะนี้ทีมกฎหมายกำลังช่วยกันดำเนินการ แต่จะกี่บริษัทนั้น ไม่แน่ใจ” นั้น เพื่อพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับการลาออกจากการเป็นกรรมการใน 20 บริษัทดังกล่าว จึงขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ทีมกฎหมายนำเอกสารออกมาโชว์หรือแสดงต่อสาธารณะได้ทันที เพื่อให้แน่ใจว่า มีการลาออกจริงตามวันเวลาดังกล่าว และสามารถใช้เป็นหลักฐานยืนยันต่อ กกต. ตามที่ได้มีการยื่นตรวจสอบไปแล้วด้วย” นายเรืองไกร ระบุ

ทั้งนี้ หากการลาออกถูกต้องตามวันเวลาดังกล่าวจริง ก็ไม่มีปัญหาต่อการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หากการลาออกมีการทำเอกสารย้อนหลัง หรือลาออกจริงหลังจากวันที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็อาจมีประเด็นให้ กกต. ตรวจสอบว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170(5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่.

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ