เม็กซิโกพบเด็กเสียชีวิต 1 รายจากโรคพิษสุนัขบ้า หลังถูกค้างคาวกัด
เอพี รายงานว่า พบเด็กชายวัย 7 ปีเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าทางตอนใต้ของเม็กซิโก หลังจากสงสัยว่าถูกค้างคาวกัด ขณะที่เด็กหญิงอีกคนหนึ่งอาการสาหัสมีโอกาสรอดชีวิตเพียงเล็กน้อย
จากรายงานทางกรมอนามัยในรัฐโออาซากาทางตอนใต้ของเม็กซิโก ระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าวเสียชีวิตเมื่อวันพุธ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากถูกค้างคาวกัดตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. โดยไม่ได้เข้ารับการรักษาโดยทันที ขณะเดียวกัน เด็กหญิงวัย 8 ปีที่ถูกกัดเช่นกัน อยู่ในสภาพวิกฤต นอนสลบและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทางแพทย์ที่ให้การรักษา ระบุว่า เธอมีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก เนื่องจากเธอไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลังจากพบผู้ป่วยเจ้าหน้าที่ในรัฐโออาซากาได้ไปยังเมืองปาโลเดอลีมา ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองห่างไกลของเด็กๆ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขและแมว
นอกจากนี้ ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้ามีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในบรรดาโรคอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของไวรัสพิษสุนัขบ้า ภูมิคุ้มกันใด ๆ และระยะฟักตัวของโรคอาจกินเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อย่างไรก็ตามมีการบันทึกไว้ว่ามีผู้ป่วยที่รอดชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าน้อยกว่า 20 ราย โดยปกติเชื้อพิษสุนัขบ้าจะแพร่ไปยังมนุษย์ผ่านการกัดหรือข่วนของสัตว์ที่ติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสุนัข รวมถึงสัตว์ต่างๆ เช่น แมว ค้างคาว แรคคูน สุนัขจิ้งจอก หมาจิ้งจอก ลิง และพังพอน ก็สามารถเป็นพาหะนำโรคได้เช่นกัน
ทั้งนี้ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม ในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐ พบชายวัย 80 ปีตื่นขึ้นมาและพบค้างคาวอยู่บนคอของเขา เขาได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ให้เข้ารับการรักษาโรคพิษสุนัขบ้า แต่เขาปฏิเสธ หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา ชายผู้นี้เริ่มมีอาการต่างๆ เช่น ปวดคอ ปวดศีรษะ ควบคุมแขนลำบาก นิ้วชา และพูดลำบาก และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา