บ้านเกือบแตก เมียไม่เคยมีชู้ แต่พ่อลูก DNA ไม่ตรงกัน เฉลยความจริงอึ้ง ผัวมี “แฝด” แฝงในตัว
เรื่องเล่าของผู้หญิงแซ่หลี่ ที่เปิดเผยบน NetEase ของประเทศจีน ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ตจีน นางหลี่ อายุ 29 ปี เป็นแม่บ้าน เธอเป็นลูกคนเดียวในครอบครัวที่เคร่งครัดในขนบธรรมเนียม ตั้งแต่เด็ก เธอจึงได้รับการเลี้ยงดูและสั่งสอนอย่างดีจากพ่อแม่
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอตัดสินใจกลับไปหางานในบ้านเกิด และได้งานเป็นพนักงานสำนักงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่นั่นเธอได้พบกับชายผู้เป็นสามีของเธอในปัจจุบัน
ในขณะนั้น หลี่อายุ 23 ปี ส่วนชายหนุ่มอายุ 29 ปี หลังจากทำงานร่วมกันอยู่สักพัก ทั้งคู่ก็ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์กัน อีกทั้งพ่อของหลี่ยังรู้จักพ่อแม่ของแฟนหนุ่มดี หลังจากคบกันได้กว่า 2 ปี ครอบครัวของทั้งคู่ก็ช่วยให้พวกเขาได้แต่งงานกัน
สองปีหลังจากแต่งงาน หลี่และสามีก็ได้ต้อนรับลูกชายคนแรกด้วยความยินดีของทั้งสองครอบครัว ทั้งคู่คิดว่าชีวิตแต่งงานจะมีความสุขยิ่งขึ้นจากนี้ไป แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนทำให้ครอบครัวของพวกเขาวุ่นวาย
ตรวจ DNA พ่อลูกไม่ตรงกัน
หลังจากที่หลี่คลอดลูก เนื่องจากพ่อแม่ของเธอมีอายุมากแล้วและไม่สามารถช่วยเหลือได้ สามีจึงแนะนำให้เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกจนกว่าเขาจะแข็งแรงพอที่จะกลับไปทำงาน และยังบอกด้วยว่างานของเขามั่นคงและมีรายได้ดี พอที่จะดูแลทั้งหลี่และลูก
หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นและตัดสินใจทำหน้าที่แม่บ้านเต็มเวลา เวลาผ่านไปลูกชายของเธอเติบโตขึ้นอย่างร่าเริงและเป็นที่รักของทุกคน สิ่งเดียวที่ทำให้สามีสงสัยคือยิ่งโต ลูกชายก็ยิ่งไม่เหมือนพ่อ ความสงสัยนี้ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นและทำให้สามีรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้ววันหนึ่ง ลูกชายของเธอประสบอุบัติเหตุล้มลง และเพราะกลัวว่าจะบาดเจ็บที่ศีรษะ สามีและหลี่จึงพาลูกไปตรวจสุขภาพ ขณะนั้นสามีเห็นโอกาสจึงแอบนำตัวอย่างไปตรวจดีเอ็นเอ
เมื่อหลี่ทราบเรื่องนี้ เธอตกใจและโกรธมาก แต่เมื่อผลตรวจออกมา เธอกลับตกใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าผลตรวจระบุว่าลูกชายไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของสามี
โชคดีที่แม่สามีของหลี่เป็นคนรอบคอบ
สามีของหลี่เสียสติทันทีหลังทราบผลตรวจ เขาตะโกนด่าทอเธอเสียงดังและไล่เธอกับลูกออกจากบ้าน เขากล่าวด้วยความโกรธว่า “ฉันทำงานหนักเพื่อลูกและเธอมาตลอดหลายปี แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เลี้ยงลูกของคนอื่น”
หลี่รู้สึกโกรธมากกับการกระทำของสามี เธอพยายามอธิบายแต่เขาไม่ยอมฟัง สุดท้ายเธอกับลูกก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่ล็อบบี้ของอพาร์ตเมนต์อย่างสิ้นหวัง แม่สามีก็มาเห็นและรีบเข้ามาสอบถาม
โชคดีที่แม่สามีของหลี่เป็นคนรอบคอบและเข้าใจ เธอแนะนำให้หลี่สงบสติอารมณ์และเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง หลังจากรับฟังทุกอย่างแล้ว แม่สามีก็ใช้เส้นสายที่มีอยู่ในโรงพยาบาลที่เธอเคยทำงาน นัดหมายกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจดีเอ็นเอที่ดีที่สุดในจังหวัด หลังจากการพูดคุยกันเป็นเวลานาน แม่สามีกลับมาปลอบใจหลี่ว่า “อาจมีข้อผิดพลาดในกระบวนการตรวจดีเอ็นเอ”
จากนั้นแม่จึงขึ้นไปพูดคุยและแนะนำให้สามีตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง แม้ว่าสามีของหลี่จะไม่เชื่อ แต่ด้วยความเคารพต่อแม่ เขาจึงตัดสินใจตรวจอีกครั้ง แต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม สามีของหลี่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และโทรหาพ่อแม่ของหลี่เพื่อด่าทอว่าเลี้ยงดูลูกสาวไม่ดี แม่สามีของหลี่ต้องเข้ามาปรามหลายครั้งก่อนที่เขาจะยอมให้เธอจัดการเรื่องนี้
พ่อที่แท้จริงแต่ไม่ใช่พ่อในทางชีวภาพ
แม้ว่าหลี่จะสาบานว่าเธอไม่เคยทรยศสามี แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ ครอบครัวของพวกเขาคงแตกแยกไปแล้วหากไม่ใช่เพราะแม่สามี เพราะเธอยืนกรานให้สามีตรวจดีเอ็นเอครั้งที่สาม โดยครั้งนี้ใช้วิธีการที่แตกต่างจากครั้งก่อน จากที่เคยใช้ตัวอย่างเส้นผมทั้งสองครั้ง ครั้งนี้พวกเขาใช้ตัวอย่างเลือดและสเปิร์มของสามี ผลตรวจครั้งที่สามแสดงให้เห็นว่า “สามีของหลี่เป็นพ่อที่แท้จริงของลูกชาย แต่ดีเอ็นเอของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน”
แพทย์อธิบายว่านี่เป็นผลจาก ปรากฏการณ์ “ไคเมร่า” (Chimera) หรือ “ภาวะแฝดกลืนแฝด” ซึ่งต้องย้อนกลับไปตั้งเมื่อ 30 กว่าปีก่อน แม่สามีตั้งครรภ์ลูกแฝดสองคน ไข่คนละใบ ซึ่งควรจะเป็นเด็กสองคนที่มีโครงสร้างพันธุกรรมต่างกัน แต่เกิดเหตุบังเอิญในระยะไซโกต ลูกแฝดทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดลูกเพียงคนเดียวที่มีโครงสร้างพันธุกรรมสองแบบอยู่ในร่างเดียว นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเก็บตัวอย่างจากเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ผลตรวจจึงออกมาต่างกัน
คำอธิบายง่ายๆ คือ ลูกชายของหลี่ยังคงเป็นลูกชายของสามีหลี่ แต่เป็นลูกชายทางชีวภาพของฝาแฝดที่ถูก “กลืน” ในครรภ์ของแม่สามี
ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผย สามีของหลี่ทั้งดีใจและเสียใจ เขาคุกเข่าขอโทษหลี่ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเรื่องวุ่นวายของครอบครัวสิ้นสุดลงแล้ว แม่สามีของหลี่ดีใจมากที่ยกบ้านราคากว่า 4 ล้านบาทในชานเมืองให้หลี่เป็นของรับขวัญ แม้ในตอนแรกเธอไม่กล้ารับ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจรับไว้เพื่อความสบายใจของแม่สามี หลี่รู้สึกขอบคุณแม่สามีเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่มีแม่ ครอบครัวอาจต้องขึ้นศาลเพื่อหย่าร้างกัน