ชีวิตจริงพีกกว่าละคร หนุ่มแต่งงานมา 6 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ช็อกความจริงเปิดเผยตอนภรรยาป่วย เพราะอยากบริจาคไตให้

เว็บไซต์ HK01 รายงานว่า สามีรายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวของตนเอง หลังจากเขาและภรรยาแต่งงานกันมาแล้ว 6 ปี และมีลูกด้วยกันแล้ว 2 คน กระทั่งภรรยาป่วยจำเป็นต้องปลูกถ่ายไต ด้วยความต้องการช่วยภรรยา เขาตัดสินใจทำการทดสอบ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาอย่างไม่คาดคิด และเขาต้องเสียใจมากหลังจากรู้ความจริง

สามีรายนี้โพสต์ลง Reddit พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตที่น่าตกใจของเขา โดยบอกว่า ตนเองแต่งงานกับภรรยามาได้ 6 ปีแล้ว และมีลูกด้วยกัน 2 คน เดิมทีชีวิตครอบครัวมีความสุขดี แต่ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปหลังจากภรรยาให้กำเนิดลูกชายคนเล็ก

ปรากฏว่าเธอป่วยและจำเป็นต้องปลูกถ่ายไตอย่างเร่งด่วน แต่ไม่มีผู้บริจาคที่ตรงกันในหมู่ญาติและเพื่อน ๆ ของภรรยา และผู้โพสต์คิดว่าแม้ว่าเขาและภรรยาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เขายังคงมีความหวังริบหรี่และตัดสินใจเข้ารับการตรวจ

เมื่อแพทย์ขอให้ผู้โพสต์ทำการทดสอบแอนติเจนของเม็ดเลือดขาวของมนุษย์ (Human leukocyte antigen) เพื่อทำยืนยันว่าผู้ป่วยสามารถทำปฏิกิริยากับเซลล์ที่ปลูกถ่ายของผู้บริจาคได้หรือไม่ เขาก็ตอบตกลงทันที ทั้งนี้ การทดสอบ HLA ยังใช้สำหรับการทดสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือดได้อีกด้วย

แต่หลังจากเข้ารับการทดสอบ เขาก็ได้รับสายรายงานผลตรวจ แพทย์บอกว่าผลของเขาและภรรยา “ตรงกันมาก” แรก ๆ เขาดีใจมาก แต่เมื่อฟังสิ่งที่หมออธิบายเพิ่มเติม ก็ทำให้เขาทรุดตัวลงทันที

แพทย์เผยผลตรวจเผยว่านอกจากเขาจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับภรรยาแล้ว เธอยังเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก

เขาเล่าอีกว่า ตนเองถูกรับเลี้ยงหลังจากเกิดได้เพียง 2 นาที และไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เขาพบกับภรรยาที่ทำงานเมื่อ 8 ปีก่อน ทั้งคู่ออกเดทและแต่งงานกัน เมื่อตอนนี้ได้ทราบว่าจริง ๆ แล้วทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน จึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับ

“ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอเป็นภรรยาของผม และเป็นแม่ของลูก ๆ ของเรา”

ทันทีที่โพสต์ถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตส่วนใหญ่แนะนำว่าผู้โพสต์ให้รักษาสภาพครอบครัวตามที่เป็นอยู่ และปลอบโยนเขาว่า “คุณมีลูกแล้ว และพวกเขาถือว่ามีสุขภาพดี เพราะคุณไม่ได้บอกว่าพวกเขามีปัญหา”, “คุณแต่งงานแล้วและมีลูกแล้ว นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” และ “ในเมื่อทุกอย่างดีมาตลอด ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน”