ภรรยาคนที่ 5 หอบลูกร้อง 5 คน ร้อง สตช. หลังถูกผัวตำรวจทำร้าย ขู่เปิด “สมุดโดเรม่อน” ที่จะมีคนเดือดร้อนนับร้อย

วานนี้ (8 พ.ค.67) หญิงสาว อายุ 37 ปี ภรรยาของตำรวจไซเบอร์หอบลูกเล็ก 5 คน ชาย 3 คน และหญิง 2 คน โดยลูกคนที่ 4 และ 5 เป็นฝาแฝดชายหญิงอายุเพียง 5 เดือนไปร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังถูกสามีทำร้ายร่างกาย และทิ้งให้เลี้ยงลูกตามลำพังนานกว่า 2 เดือน เงินไม่พอประทังชีวิต โดยสามีก็ไม่กลับมารับผิดชอบ จนเงินเหลือติดตัวเพียงหลักร้อย ลูกๆ ไม่มีข้าวหรือนมจะกิน จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติช่วยติดต่อสามี ให้กลับมาพูดคุยหาแนวทางในการรับผิดชอบลูกๆ

ภรรยาเล่าว่า อยู่กันมา 16 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากัน รักกันดูแลกันมาตลอด อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่ไม่ได้จดทะเบีบนสมรส ตนเองเป็นภรรยาคนที่ 5 และฝ่ายชายอ้างว่าภรรยาคนก่อนหน้านี้ไม่ได้อยู่กินด้วยกันแล้ว สามีดูแลแค่ส่วนของลูกๆ อย่างเดียว แต่ช่วงหลัง 3 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป ฝ่ายชายไม่ดูแลครอบครัว คิดว่าฝ่ายชายน่าจะมีคนอื่นจึงตีตัวออกห่าง และเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวในครอบครัว ถูกทำร้ายร่างกาย ตบตี ไม่พอใจเวลาที่ตนเองขอให้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในครอบครัว หรือถามถึงเรื่องที่สามีไปเที่ยว นอกจากนี้ตนเองยังมาทราบภายหลังว่าสามีได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนก่อนหน้านี้โดยที่ไม่เคยบอกตนเองเลย อีกทั้งยังคงไม่ได้ตัดขาดกับภรรยาทั้ง 4 คนอย่างที่บอก และมีลูกรวมถึง 16 คน

ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าหากอยู่เป็นครอบครัวแล้วเป็นภาพที่ไม่ดี ก็ควรแยกย้ายกันและทำหน้าที่แค่พ่อแม่ของลูกมากกว่า จึงควรต้องรับผิดชอบค่าเลี้ยงดูบุตร ส่วนที่มีลูกมากขนาดนี้ ยอมรับว่าบางครั้งเกิดจากความผิดพลาดและปล่อยเลยตามเลยตามธรรมชาติ

ด้านนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า ตัวภรรยาของตำรวจนายนี้เคยไปร้องเรียนที่หน่วยงานต้นสังกัดของสามีแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับ จึงร้องขอความช่วยเหลือผ่านตนเอง โดยพบว่าฝ่ายชายมีภรรยาถึง 5 คน มีลูกรวมทั้งสิ้น 16 คน อยากให้ฝ่ายชายหันหน้ามาคุยกันเพื่อหาทางออก เพราะพบว่ามีลูกคนนึงเป็นเด็กพิเศษ อีกคนเป็นโรคหัวใจ ต่างก็ไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอยากฝากฝ่ายชายว่าเป็นตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์ประชาชน แต่แม้แต่ครอบครัวยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะปกป้องประชาชนได้อย่างไร

แต่หากฝ่ายชายไม่มาพูดคุย ตนเองมี “สมุดโดเรม่อน” ซึ่งยังไม่ขอบอกว่าเป็นสมุดอะไร แต่หากตนเองเปิดเผยไป ก็จะมีคนเดือดร้อนเป็นร้อยคน และในรายชื่อก็มีบางคนที่ตนเองรู้จัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าฝ่ายชายนำชื่อบุคคลดังกล่าวมาแอบอ้างหรือไม่ หวังว่าฝ่ายชายจะคิดได้เร็วและรีบมาคุยกัน หากไม่ติดต่อมา วันที่ 9 พ.ค.67 ตนเองจะเดินหน้าเปิดเผยต่อ