เมสซี สมหวัง พาอาร์เจนตินา ที่นำก่อน 2 ครั้ง แต่ไม่สามารถเอาชนะในเกมได้ สุดท้ายยื้อถึงจุดโทษ แต่ยังแก้ตัวด้วยการเอาชนะจุดโทษ ฝรั่งเศส คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองได้สำเร็จ
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ที่ลูซาอิล สเตเดียม เป็นการโควจรมาพบกันของ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา แชมป์ 2 สมัย พบ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัย และแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่ผ่านมา
สำหรับการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ อาร์เจนตินา โชว์ฟอร์มโหด ด้วยการถล่มเอาชนะ โครเอเชีย (รองแชมป์เก่า) 3-0 ขณะที่ ฝรั่งเศส เดินหน้าถล่ม โมร็อกโก มาด้วยสกอร์ 2-0
เกมนี้ อาร์เจนตินา จัดผู้เล่นมาในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย เอมิเลียโน มาร์ติเนซ : นาฮูเอล โมลินา, คริสเตียน โรเมโร, นิโกลัส โอตาเมนดี, นิโกลัส ตายาฟิโก : อังเคล ดิ มาเรีย, โรดริโก เด ปอล, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็กอัลลิสเตอร์ : ลิโอเนล เมสซี, ฮูเลียน อัลบาเรซ
ขณะที่ ฝรั่งเศส มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย อูโก โยริส : ฌูลส์ คุนเด, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, เธโอ แอร์กน็องเดซ : อองตวน กรีซมันน์, ออเรเลียง ชูอาเมนี, อาเดรียง ราบิโอต์ : อุสมาน เดมเบเล, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป
โดย ลิโอเนล เมสซี แนวรุกกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมากที่สุด ด้วยจำนวน 26 นัด หลังมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมรอบชิงชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส
- อาร์เจนตินาเตรียมแผนพิเศษรับมือ เอ็มบัปเป เกมนัดชิงชนะเลิศบอลโลก
- เมสซี เตรียมขึ้นหิ้งร่วม 8 ตำนานนักเตะหากคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก ได้คืนนี้
- ไม่เคยพลาด! ฮือฮา แคสเปอร์-แกนน่อน สุนัขแสนรู้ทายผลบอลโลก ถูกทุกคู่
เปิดฉากเริ่มเกมอาร์เจนตินา ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย พยายามบุกเข้าทำ นาทีที่ 10 อาร์เจนตินา ได้บุกขึ้นมาตรงกลาง บอลมาถึง โรดริโก เด ปอล ได้ลองส่องไกลหน้าเขตโทษ บอลพุ่งตรงแฉลบแนวรับฝรั่งเศส แต่ยังไปตรงตัวผู้รักษาประตูด้วยเช่นกัน
จากนั้น นาทีที่ 16 อาร์เจนตินา ได้ลุ้น จากจังหวะ โรดริโก เด ปอล ไปตัดบอลจากฝรั่งเศสมาได้ บอลไปถึง ลิโอเนล เมสซี จ่ายต่อเข้าไปในเขตโทษ ให้ โรดริโก เด ปอล ก่อนเจ้าตัวจะจ่ายตัดเข้าไปกลางประตู ให้ อังเคล ดิ มาเรีย ได้ยิง แต่กดไม่ลงบอลมันเหินข้ามคานออกหลังไป
อาร์เจนตินา ได้บุกต่อเนื่อง นาทีที่ 22 ดิ มาเรีย ได้บอลริมเส้นทางซ้ายก่อนจะใช้ความสามารถเฉพาะตัว กระชากบอลเข้ามาในเขตโทษ ไปถูก อุสมาน เดมเบเล ไปสกิตขาหลังล้มลง ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนจะเป็น เมสซี รับหน้าที่สังหารไม่มีพลาด ส่งให้อาร์เจนตินา ออกนำ 1-0 พร้อมขึ้นนำดาวซัลโว เดี่ยว ด้วยจำนวน 6 ประตู แถมด้วยการทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูครบทุกรอบ ไล่ตั้งแต่รอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ในฟุตบอลโลกครั้งเดียวกัน
หลังเสียประตูทัพตราไก่ พยายามเร่งเกมบุกหวังทวงประตูคืน นาทีที่27 ได้ลุ้นจากฟรีคิก หน้าเขตโทษ เกือบๆกลางประตู อองตวน กรีซมันน์ เปิดโด่งไปกลางประตูบอล ทว่ายังไม่ผ่านแนวรับอาร์เจนตินา ช่วยกันสกัดออกมาได้
นาทีที่ 36 อาร์เจนตินา ได้สวนกลับเร็ว จากเมสซี บอลไปถึง อเล็กซิส แม็กอัลลิสเตอร์ วิ่งหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะจ่ายตบเข้าไปกลางประตู ให้ ดิ มาเรีย ยิ่งสอดเข้ามายิงบอลเข้าประตู ให้ทัพฟ้าขาว ขยับหนี 2-0
นาที 41 ฝรั่งเศส ที่สกอร์ตามหลังขยับเปลี่ยนตัว 2 ผู้เล่นอย่างรวดเร็วด้วยการเอา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และอุสมาน เดมเบเล ออก และส่ง มาร์กกุส ตูราม และร็องดัล โคโล มูอานี ลงมาแทน และรูปเกมดีขึ้น แต่สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้จบครึ่งแรก อาร์เจนตินา ยังนำ ฝรั่งเศส 2-0
ครึ่งหลังเกมเปิดแลกกันสนุก ฝรั่งเศส ที่สกอร์ตามหลังเร่งเกมบุกแต่ก็ทำอะไรได้ไม่ถนัด นาทีที่ 50 มาได้ลุ้นจากเตะมุม อองตวน กรีซมันน์ เปิดบอลโด่งไปกลางประตู ทว่า เอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายด่านอาร์เจนตินา ยังออกมารับบอลไว้ได้สบาย
จากนั้นนาทีที่ 58 อาร์เจนตินา ได้ลุ้นในจังหวะ ดิ มาเรีย กระชากบอลขึ้นมา ก่อนจะจ่ายยัดเข้าไปในเขตโทษ บอลไปถึง ฮูเลียน อัลบาเรซ ได้ยิง แต่ผู้รักษาประตูตราไก่ยังปัดออกหลังไปได้
65 นาทีผ่าน รูปเกมยังเป็น อาร์เจนตินา ที่ได้บุกขึ้นมาเป็นระยะ ขณะที่ ฝรั่งเศส ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเกมนี้ แชมป์เก่า ยังไม่มีโอกาสจบสกอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
นาทีที่ 70 คีลิยัน เอ็มบัปเป ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนจะพาบอลเข้าไปในเขตโทษเองแล้วตัดสินใจซัดด้วยขวา บอลก็ยังเหินข้ามคานออกหลังไป และเป็นการจบสกอร์ครั้งแรกของฝั่งตราไก่ด้วย
ถัดมา 10 นาที ฝรั่งเศสได้ประตูตีไข่แตก 1-2 จากลูกจุดโทษ ในจังหวะ นิโกลัส โอตาเมดี ไปสกิตขา ร็องดัล โคโล มูอานี ในเขชตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ คีลิยัน เอ็มบัปเป ยิงเข้าประตูไป
ถัดมานาทีเดียว ฝรั่งเศส ได้ประตูตามตีเสมอ 2-2 จนได้ ในจังหวะ อาร์เจนตินา ไปเสียบอลกลางสนาม บอลมาถึง คีลิยัน เอ็มบัปเป หลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะยิงส่งบอลผ่านมือผู้รักษาประตู อาร์เจนตินา เข้าประตูไป
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมยังเปิดเกมแลกกันสนุก ทว่าสุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม ทำให้จบเกม เสมอ 2-2 ต้องไปสู้กันต่อในช่วงทดเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมยังคงเป็นไปอย่างสูสี ทั้งสองทีมไม่เร่ง ต่างเล่นด้วยความระมัดระวัง เน้นการครองบอลและชิงจังหวะกลางสนาม กระทั่งนาทีที่ 109 อาร์เจนตินา บุกขึ้นมา เลาตาโร มาร์ติเนซ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะยิง นายด่านฝรั่งเศส ปัดออกมาเข้าทางปืน เมสซี ได้ซ้ำดาบสองส่งบอลเข้าประตูไปให้ อาร์เจนตินา ออกนำอีกครั้ง 3-2
หลังเสียประตู ฝรั่งเศส พยายามเร่งเกมบุกทวงประตูคืน นาทีที่ 117 คีลิยัน เอ็มบัปเป ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนจะยิงไกล บอลพุ่งไปโดนแขนแนวรับฝรั่งเศส ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษอีกครั้ง ก่อนจะเป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป รับหน้าที่สังหารเอก ส่งบอลเข้าประตูไป ให้ฝรั่งเศส ตามตีเสมอ 3-3 อีกครั้ง และเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย ทำให้ เอ็มบัปเป ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่สามารถทำแฮตทริกในฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ ต่อจาก เจฟฟ์ เฮิร์สต์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ทำได้เมื่อปี 1966
ช่วงเวลาที่เหลือเกมยังแลกกันสนุก สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่มครบ 120 นาที ยังเสมอ 3-3 ต้องหาแชมป์จากการดวลจุดโทษ
การดวลจุดโทษ ปรากฎว่า อาร์เจนตินา แม่นกว่า เป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 (เสมอในเวลา 3-3) ทำให้ทัพฟ้าขาว คว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 3