เพื่อไทย ให้ 'ประยุทธ์' สอบตก แซะ 'ประวิตร-อนุทิน' เหมาะนั่งนายกฯ กว่า

Home » เพื่อไทย ให้ 'ประยุทธ์' สอบตก แซะ 'ประวิตร-อนุทิน' เหมาะนั่งนายกฯ กว่า



พท.ให้ ‘ประยุทธ์’ สอบตก แซะ ‘ประวิตร-อนุทิน’ เหมาะนั่งนายกฯ กว่า เชื่อประชาชนจะลำบากมากขึ้นหากรัฐบาลยังอยู่ต่อ อัดมั่วสูตรคำนวณ ทำทุกทางเพื่อสืบทอดอำนาจ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ก.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคพท. ประกอบด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ ด้านเศรษฐกิจ นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการและ กรรมการคณะยุทธศาสตร์และการเมือง ร่วมแถลงข่าวผลกระทบจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายพิชัย กล่าวว่า นายกฯ สอบตกในการชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องพลังงาน ผลโหวตที่ปรากฏว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลับมีคะแนนโหวตได้รับความไว้วางใจมากสุดที่ รองลงมาเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้สงสัยว่า 2 คนนี้เหมาะเป็นนายกฯ มากกว่าหรือไม่ ในขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ รมต.สายประชาธิปัตย์ได้คะแนนในระดับต่ำ น่าจะแสดงถึงผลงานที่ย่ำแย่ โอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งคราวหน้าจะมีน้อยมาก และอาจจะสูญพันธุ์ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะใน กทม. ก็เป็นไปได้สูง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์สอบตกเพราะตอบข้อซักถามไม่ตรงประเด็น อธิบายสภาวะเศรษฐกิจว่าไปได้ดี ทั้งที่ประชาชนกำลังลำบากกันอย่างมาก อ้างว่าชำระหนี้ในจำนวนมากที่สุด ทั้งที่หนี้สาธารณะพุ่งทะลุ 10 ล้านล้านบาทแล้ว เรื่องที่ตอบได้มั่วที่สุดน่าจะเรื่องปัญหาพลังงาน และยังแก้ตัวมั่วเรื่องค่าไฟฟ้าที่แพง เพราะเกิดจากค่าความพร้อมที่สูงถึงเดือนละ 8,000 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายโรงไฟฟ้าที่มีกำลังผลิตเกินถึงกว่า 50% โดยอ้างว่าเป็นกำลังผลิตสำรองทั้งที่ความจริงกำลังผลิตส่วนเกิน 15% นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์และนายสุพัฒนพงษ์ยังให้ข้อมูลย้อนแย้งกันเองเรื่องปัญหาข้อพิพาทในสัมปทานขุดก๊าซในพื้นที่อ่าวไทย ทำให้ปริมาณก๊าซถูกนำขึ้นมาน้อยลง ที่พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธแต่นายสุพัฒนพงษ์กลับยอมรับ แสดงถึงการขาดความรู้ความเข้าใจของพล.อ.ประยุทธ์

นายพิชัย กล่าวต่อว่า การตอบเรื่องการลงทุน 148,000 ล้านบาทของบริษัท PTTGC ที่นำเงินไปซื้อบริษัทต่างประเทศในภาวะที่เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ น่าจะผลประโยชน์ทับซ้อนแน่ นายสุพัฒนพงษ์ที่เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารต้องเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด ทั้งที่เพราะ PTTGC มี บมจ.ปตท.ถือหุ้นอยู่ถึง 45.18% และคณะกรรมการบริหารก็แต่งตั้งไปจากรัฐบาล มีนายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ อดีตประธานบอร์ด บมจ. ปตท.ที่พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้งและโยกมาเพราะอายุเกินเป็นประธานบอร์ด มีพล.ท.นิธิ จึงเจริญ นายทหารคนสนิทของพล.อ.ประยุทธ์ และยังมีข้าราชการกระทรวงพลังงาน และ ผู้บริหาร ปตท.เป็นกรรมการ จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาลและกระทรวงพลังงานนั้นคงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้นายสุพัฒนพงษ์ไม่ได้ตอบคำถามในสภาเรื่องน้ำมันปาล์มมูลค่า 2,100 ล้านบาทของบริษัทย่อยของ PTTGC หายไป ในระหว่างที่นายสุพัฒนพงษ์ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของ PTTGC ด้วย ยังมีเรื่องคดีเหมืองทองอัคราที่เป็นจุดตายของพล.อ.ประยุทธ์ โดยมีหลักฐานคำแนะนำของหน่วยงานทางกฎหมายไม่แนะนำให้ทำ ที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้เลย

“ที่พล.อ.ประยุทธ์พยายามแก้ตัวว่ามีเซลล์สมอง 840,000 ล้านเซลล์ ทั้งที่เคยพูดเองว่ามี 84,000 เซลล์ ซึ่งมากกว่าคนปกติถึง 10 เท่า ไม่ได้ทำให้ประชาชนเชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้าฉลาดจริงคงต้องไม่ยอมรับอย่างหน้าชื่นบานว่าทำปฏิวัติ และจะต้องละอายใจและจะต้องดูออกแล้วว่าประเทศย่ำแย่และเสื่อมถอยขนาดไหนจากการบริหารของพล.อ.ประยุทธ์เอง และต้องออกไปได้แล้ว” นายพิชัย กล่าว

ด้านนายกฤษฎา กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยล้มเหลวมาตลอดในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ IMD ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์จัดอันดับโครงสร้างพื้นฐานไทยอยู่อันดับที่ 44 จาก 63 เขตเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของไทยได้เสื่อมถอยมาก ทุกวันนึ้เหมือนกินบุญเก่า อาศัยการลงทุนในอดีตแต่การลงทุนใหม่มีน้อยมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลกระทบต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก ล้วนส่งผลกระทบต่อประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ วิกฤตโรคระบาด รวมไปถึงสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย เศรษฐกิจโลกขึ้นกับต้นทุนน้ำมัน พลังงาน อาหาร รัสเซียจัดอยู่ที่ลำดับ 3 ในการผลิตน้ำมันประมาณ 10% ของโลก แก็ซธรรมชาติก็ยังอยู่ในลำดับต้นๆ รวมไปถึงข้าวสาลี สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเข้าใจ และปรับตัวให้ทันต่อภาวะต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งรายได้หลัก 2 อย่าง คือ 1.รายได้จากการท่องเที่ยว 2.ภาคอุตสาหกรรม วันนี้เราต้องรีบอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง ให้สามารถเข้าออกเพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนกลับมาให้เกิดสภาพคล่องให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก แต่วันนี้กฎกติกาและนโยบายหลายอย่าง เช่น คนละครึ่งที่ควรจะต้องช่วยส่งเสริมการขาย แต่กลับไปเพิ่มค่าใช้จ่าย เก็บภาษีย้อนหลังกับผู้ประกอบการรายย่อย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก็เอื้อรายใหญ่ ไม่ใช่รายเล็ก รัฐบาลตั้งกำแพงและค่าใช้จ่ายหลายอย่างให้ทั้งกับคนในประเทศและต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนสวนทางกับการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤต โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก คนไทยจะอยู่ลำบากมากขึ้นหากรัฐบาลยังบริหารงานแบบนี้ต่อไป

ด้านนายอนุสรณ์ กล่าวถึงควันหลงและผลกระทบจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจทำรัฐประหารด้วยยุทธวิธีลับลวงพราง ผ่านไป 8 ปีเข้าสู่โหมดสืบทอดอำนาจเพื่ออยู่ต่อให้นานที่สุด ใครจะคิดว่ายุทธวิธีลับลวงพรางที่เคยใช้กับฝ่ายตรงข้าม จะหันกลับมาใช้กับเครือข่ายนั่งร้านสืบทอดอำนาจพวกเดียวกันเอง ก่อนเข้าสู่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลับลวงพรางให้พรรคเล็กดีใจทำทีเหมือนยอมพลิกลิ้นจากสูตรหาร 100 ไปเป็นสูตรหาร 500 แต่หลังจากสมประโยชน์ยกมือไว้วางใจส่งมอบงานกันเรียบร้อย ก็เตรียมพลิกลิ้นอีกรอบโดยการจะหันหลังกลับ 180 องศากลับไปใช้สูตรหาร 100 อีกรอบ หรืออาจไปไกลกว่านั้นโดยการกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว เฉพาะสูตรคำนวณ การได้มาซึ่งส.ส.ยังพลิกไปพลิกมา มั่วขนาดนี้ แล้วเรื่องอื่นจะมั่วขนาดไหน รัฐบาลมีประสบการณ์และชำนาญเรื่องแจกกล้วย แต่เรื่องตอบให้ตรงคำถามยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำไม่ได้ ประชาชนเห็นชัดว่ามีหลายคำถามที่รัฐบาลไม่ได้ตอบหรือตอบไม่ได้ กว่าจะรอดต้องวิ่งเต้นต่อรองทุกเสียง เจรจาทุกวิธี หลังโหวตต้องตามล้างตามเช็ดกันมั่วไปหมด ไม่รู้ว่าคนโหวตคว่ำรัฐมนตรี จะได้เก้าอี้ปลอบใจหรือโดนขับไล่พ้นพรรค เชื่อว่าเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่ถึง 8 เดือน รัฐบาลจะออกลูกมั่วเพื่อสะสมความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าอีก

“รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์คำนึงถึงความมั่นคงของรัฐบาลก่อนความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อสืบทอดอำนาจ แม้จะต้องแก้กติกากลับไปกลับมาทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลอีกกี่รอบก็ยอม” นายอนุสรณ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ