เพื่อไทย ประกาศแผน 100 วันแรก ดันฟุตบอลไทยไประดับโลก ส่งเสริมให้มีโอกาสไปฝึกซ้อม ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ให้นักกีฬาไปได้ไกลในระดับสากล
วันที่ 7 เม.ย.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายกีฬา พรรคพท.พร้อมด้วย นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา และ นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช แถลงข่าวนโยบาย “สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย” โดย นายพิมล กล่าวว่า พรรคพท.ตั้งเป้าหมายใหญ่โดยยกระดับมาตรฐานกีฬาฟุตบอลไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ สร้างนักกีฬาสมัครเล่นไปสู่นักกีฬาฟุตบอลอาชีพระดับโลก ด้วยการพัฒนาสภาพแวดล้อมของวงการฟุตบอลอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างรายได้ สร้างงานอย่างมั่นคง
นอกจากนักกีฬามืออาชีพยังมีทั้งผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ในอดีตพรรคไทยรักไทยได้ริเริ่มโครงการสตรีท ซ็อกเกอร์ (Street soccer) ทั่วประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้จุดประกายให้เยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอลให้หันมาเล่นกีฬานี้อย่างจริงจัง นักกีฬาที่จัดอยู่แถวหน้าของการแข่งขัน ได้รับโอกาสไปฝึกซ้อมในต่างประเทศกับทีมชั้นนำ เช่น ทีมฟูแลม ( Fulham F.C. ) ซึ่งนโยบาย “สร้างโอกาสใหม่ เพื่อฟุตบอลไทย” ต่อยอดจากนโยบายนี้
นายพิมล กล่าวต่อว่า ภายใน 100 วันแรก พรรคพท.จะดำเนินการทำให้โครงสร้างพื้นฐานพร้อมดังนี้
1.มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จัดลีกเยาวชนและยุวชนทั่วประเทศ (Youth League) โดยมีทีมทั้งสิ้น 400 ทีม แบ่งอายุเป็น U13, U15, U17, U19 คาดว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมอย่างน้อย 10,000 คนจากสโมสรฟุตบอล สมาคมกีฬาจังหวัดและหน่วยงานอื่นๆ
2.นักกีฬาที่มีศักยภาพสูงจะได้รับการคัดเลือกเข้าไปอยู่ใน Talent Center เพื่อรับการส่งเสริมให้มีโอกาสไปฝึกซ้อมในต่างประเทศ ซึ่ง กกท.ต้องเชื่อมโยงกับลีกอาชีพในต่างประเทศ เช่น English Premier League สร้างช่องทางให้นักกีฬาเยาวชนได้ไปฝึกฝนต่อไป 3.จัดให้มีการถ่ายทอดสด การแข่งขันคู่สำคัญผ่านช่องทางทีวีของรัฐ รวมไปถึงช่องทางอื่นๆ เช่น Facebook และ YouTube
นายพิมล กล่าวต่อว่า 4.ให้เครือข่ายกกท.จังหวัด เก็บข้อมูลของนักกีฬาไว้ เพื่อเชื่อมต่อระหว่างนักกีฬากับสโมสรต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับโลก 5.ผลักดันโครงการพัฒนาผู้ตัดสินและโครงการพัฒนาผู้ฝึกสอน เพื่อให้การตัดสินและการฝึกสอนได้มาตรฐานระดับนานาชาติ
6.งบประมาณในการกำหนดนโยบายจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 200 ล้านบาท และงบประมาณจากภาคเอกชน 100 ล้านบาท ทั้งหมดเพื่อทำให้กีฬาฟุตบอลไทยแข็งแรง ให้นักกีฬาไทยไปได้ไกลในระดับสากล คนไทยที่อยู่ในอุตสาหกรรมกีฬาจะมีโอกาสในการประกอบอาชีพมากขึ้น มีโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น