เพื่อไทย ซัด ‘ประยุทธ์’ เอาเวลาราชการมาหาเสียง ฉะเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ซ้ำอนุมัติงบกระจุกตัวใกล้เลือกตั้ง จี้ กกต.ตรวจสอบ
วันที่ 2 มี.ค. 2566 น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้ปี่กลองของการเลือกตั้งดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกพรรคการเมืองต่างเร่งหาเสียง นำเสนอนโยบายสู่พี่น้องประชาชน แต่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมยุบสภา กอดอำนาจเอาไว้และยังทำงานไม่คุ้มค่ากับภาษีของพี่น้องประชาชน กลับลาราชการมาร่วมพิธีทำบุญใหญ่ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการมาสวมเสื้อแจ็กเก็ตให้ผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค รทสช. โดยที่ยังได้ทั้งเงินเดือน และสวัสดิการเพียบพร้อมที่มากกว่าผู้สมัครอื่นๆ
“การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ จากพรรค รทสช. และมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคการเมือง ถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น หรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในช่วงเวลาใกล้การเลือกตั้งหรือไม่”
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า แม้การลาเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ในฐานะของคนเป็นนายกฯ ย่อมถูกคาดหวังถึงความผิดชอบ ความมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และมารยาททางการเมืองที่คนเป็นนักการเมืองพึงมี จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบด้วย
น.ส.ตรีชฎา กล่าวอีกว่า การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ เอื้อต่อการหาคะแนนเสียง หรือการกระทำใดๆ ก็ตามที่จะทำให้นายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี ได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ และหากยุบสภา การหาเสียงของบุคคลเหล่านี้จะต้องไม่ขัดต่อระเบียบ กกต. อันจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกับพรรคอื่นๆ ในการเลือกตั้งด้วย
น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า นอกจากการลาราชการไปโดยเหตุไม่จำเป็นแล้ว ยังมีการอนุมัติงบประมาณแบบกระจุกตัวในช่วงใกล้เลือกตั้ง เช่น งบกลางเกือบ 2,000 ล้านบาท ใน 2 โครงการ คือโครงการนำร่องตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 1,037 ล้านบาท ภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุชา นาคาศัย รมว.ประจำสำนักนายกฯ
รวมถึงอนุมัติงบช่วยเหลือผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 826 ล้านบาท อาจถูกมองว่าเป็นการใช้งบเพื่อให้รัฐมนตรีคนสนิทนำไปใช้เอื้อประโยชน์ สร้างคะแนนความนิยมให้ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่สามารถอนุมัติงบประมาณก่อนหน้านี้ได้ เพื่อให้ทันกับความเดือดร้อนของประชาชน
น.ส.ตรีชฎา กล่าวอีกว่า กกต.ต้องเอาจริงเอาจัง ประกาศให้ชัดเจนถึงแนวปฏิบัติ แล้วดำเนินการอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่เอื้อประโยชน์กับบางพรรคการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใส สุจริตและเที่ยงธรรม