เพื่อไทยเตือน ‘บิ๊กตู่’ หยุดใช้สื่อรัฐให้ร้าย ‘ลาว’ จี้เร่งขอโทษ-หวั่นทำลายสัมพันธ์ประเทศ ชี้ไทยทำช้าเอง แต่ไปโจมตีลาว แนะเร่งดำเนินการฝั่งไทยให้เสร็จ ก่อนลาวแซงไทย
วันที่ 23 ธ.ค.64 นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย และอดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงระหว่างจีน-ลาวแล้ว ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยยังไม่สำเร็จไปถึงไหน แทนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จะมาพิจารณาแก้ไขความล้มเหลวของตนเองที่บริหารจัดการล่าช้า ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสอย่างมาก กลับปล่อยให้สื่อรัฐที่คุมโดยคนสนิทของพล.อ.ประยุทธ์ เองออกมาโจมตีในเชิงดูถูกสปป.ลาวและคนลาวจนสร้างความไม่พอใจกับรัฐบาลลาวและประชาชนลาวอย่างมาก
ถึงกระทั่งนายกรัฐมนตรีของสปป.ลาว ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้การให้ข่าวของรายการทีวีและสื่อของรัฐบาลไทย ภายใต้การควบคุมดูแลของคนสนิทพล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแย่ลง หากเป็นการแสดงออกซึ่งจะยิ่งทำให้คนไทยและคนลาวมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะคนลาวที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และคนไทยที่อาศัยอยู่ในลาว
นายกฤษฎา กล่าวว่า โดยสื่อของทางรัฐบาลไทย ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า คนลาวไม่สามารถที่จะจ่ายค่าตั๋วโดยสารรถไฟความเร็วสูงได้ และจะต้องใช้หนี้ประเทศจีนจากโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ไปอีกนาน เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไร้วิจารณญาณ ไร้วิสัยทัศน์ และขาดซึ่งทัศนคติที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ได้มีนักธุรกิจชั้นนำของไทยหลายท่าน ออกมาคาดการณ์และได้มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว ดังกล่าว จะนำพาเศรษฐกิจของสปป.ลาวให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด GDP ของลาวในปี 2565 อาจขยายตัวไปได้ถึงสองหลัก หรือ มากกว่า 10% และด้วยเหตุที่สปป.ลาวมีประชากรไม่มากนัก จึงเป็นสาเหตุที่จะทำให้สปป.ลาวสามารถที่จะก้าวข้ามจากประเทศที่กำลังพัฒนาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างง่ายดายในอนาคต หากมีการบริหารจัดการที่ดี ดังนั้นจึงอยากขอให้พล.อ.ประยุทธ์ กำชับให้สื่อรัฐเร่งขอโทษสปป.ลาวและอย่าได้เสนอรายการแย่ๆแบบนี้อีก
นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า วันนี้มีนักธุรกิจชั้นนำจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจาก ประเทศจีน ประเทศเวียดนาม ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลี หรือแม้กระทั่งจากประเทศไทยเองเข้าไปลงทุนในสปป.ลาวแล้วเป็นจำนวนมาก เพราะเห็นถึงความเจริญที่จะตามมา จากเมกะโปรเจ็ครถไฟความเร็วสูงนี้ จริงๆ แล้วสิ่งที่ประเทศไทยควรจะต้องเร่งทำ คือการรีบเร่งเชื่อมต่อกับจุดยุทธศาสตร์นี้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการส่งออก สินค้าไทย ไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะไปยังประเทศจีน ที่มีกำลังซื้อมหาศาล และเป็นประเทศที่มีการค้าการลงทุน และการนำเข้าส่งออกเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งแซงหน้าประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณ 10-15% ไปแล้ว และเรื่องที่ประเทศไทยน่าจะต้องรู้อยู่แล้ว คือประเทศจีนต้องการจะเชื่อมต่อกับโลก ตามโครงการ One Belt One Road และถ้าวันนี้ หากประเทศไทยไม่รีบทำอะไร ไทยอาจจะต้องตกรถไฟความเร็วสูงขบวนนี้จริงๆ ก็ได้ และแทนที่รัฐบาลไทยจะไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า โครงการนี้จะส่งผลเสียอย่างไรกับสปป.ลาว ไทยควรจะเร่งเชื่อมต่อและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนไทย เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางดังกล่าวให้ได้เร็วที่สุดจะดีกว่ามาก
“อยากขอเตือนพล.อ.ประยุทธ์ ว่าน่าจะหมดสมัยแล้วที่จะพยายามดิสเครดิตประเทศอื่น พรรคอื่น หรือคนอื่นที่ทำได้ดี เพื่ออาจจะพยายามกลบความผิดพลาดของตัวเอง เพียงเพื่อจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้นจากภาวะที่พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศล้มเหลวในทุกด้านในขณะนี้ คนไทยรู้ทันกันหมดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะเร่งแก้ไขปรับปรุงการบริหารให้ทันประเทศอื่นและทันโลกมากกว่าจะแก้ตัวโดยการใส่ร้ายคนอื่นแบบที่เคยทำมาตลอด 7 ปี หากยังไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิดและปรับปรุงวิธีปฎิบัติ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไม่สามารถนำพาประเทศไทยให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองได้เลย ประเทศไทยจะถูกประเทศเพื่อนบ้านอื่นแซงไปหมดสาเหตุเพราะผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์นี่เอง”นายกฤษฎากล่าว